กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--เวิรฟ พับลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี่
ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่น ประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบลิมิเต็ดเอดิชั่นคอลเลคชั่นที่ 2 จากความร่วมมือกับดีไซน์เฮ้าส์สัญชาติฟินแลนด์ มารีเมกโกะ (Marimekko) ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายนนี้ คอลเลคชั่นแรกที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันออกแบบได้สร้างความฮือฮาอย่างมากหลังเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2018 โดยในคอลเลคชั่น Fall/Winter 2019 นี้ สะท้อนถึงวิถีชีวิตในช่วงฤดูหนาวของชาวฟินแลนด์ พร้อมเพิ่มเติมไอเท็มสำหรับผู้หญิงด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กหญิงและเด็กแรกเกิดเป็นครั้งแรก
"เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เปิดตัวคอลเลคชั่นลิมิเต็ดเอดิชั่น คอลเลคชั่นที่ 2 ซึ่งออกแบบขึ้นร่วมกับมารีเมกโกะหลังจากคอลเลคชั่น Spring/Summer 2018 ของเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี" ยูกิ คัทซึตะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของยูนิโคล่ กล่าว "นอกจากนี้ผมยังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นลายพิมพ์และสีสันของมารีเมกโกะอยู่บนผลิตภัณฑ์ไลฟ์แวร์ (LifeWear) ของยูนิโคล่ อย่างเสื้อผ้าแคชเมียร์ อัลตร้าไลท์ดาวน์ และฮีทเทคเป็นครั้งแรก ช่างเป็นการมอบความอบอุ่นแก่ร่างกายในช่วงเดือนหนาวๆ ที่กำลังจะมาถึงได้อย่างสวยสดงดงาม พร้อมกับดื่มด่ำไปกับอารมณ์ความรู้สึกตามวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์"
"ต่อยอดการตอบรับอย่างท่วมท้นของคอลเลคชั่นแรกที่มารีเมกโกะและยูนิโคล่ได้ทำร่วมกันช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2018 เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ร่วมงานกับยูนิโคล่อีกครั้งในคอลเลคชั่น Fall/Winter 2019 คอลลคชั่นลิมิเต็ดอิอิชั่นใหม่นี้ นำเสนอลายพิมพ์และสีสันที่เด่นสะดุดตาของมารีเมกโกะ เป็นเหมือนไอเท็มที่ต้องมีในช่วงหน้าหนาวสำหรับทุกคน เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกับยูนิโคล่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่พิเศษอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าของเรา และเราแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นคอลเลคชั่นใหม่นี้ช่วยแต่งเติมความสุขในชีวิตประจำวันให้กับผู้คนทั่วโลก" ตีน่า อะลาฮูห์ตา-กาสโก กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมารีเมกโกะ กล่าว
นำเสนอเครื่องแต่งกายที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ
ยูนิโคล่ได้ออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิงขึ้นเป็นพิเศษหลายรายการเพื่ออวดลายพิมพ์ซึ่งเป็นที่จดจำได้มากที่สุดของมารีเมกโกะโดยเฉพาะ เช่นลายกีเว็ต (Kivet หรือ ลายหิน) ที่ออกแบบโดย ไมยา อิโซลา ในปี 1965, ลายตาซาราอิตา (Tasaraita หรือลายทางขวาง) โดย อันนิกา ริมาลา ในปี 1968, และลายซีร์โตลาปูตาร์ฮา (Siirtolapuutarha หรือลายสวนในเมือง) โดย ไมยา โลอิการิ ในปี 2009 ลายพิมพ์ที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยสีสันเหล่านี้จะปรากฏตัวเป็นครั้งแรกบนเสื้อโค้ทอัลตร้าไลท์ดาวน์โคคูน เสื้อฮู้ดดี้ผ้าขนแกะแค็ชเมียร์ ชุดเดรสเชิ้ต และชุดจัมพ์สูท นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กหญิงและเด็กแรกเกิดเพื่อให้แต่งตัวเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และคอลเลคชั่นนี้ยังครอบคลุมถึงเอสเซสเซอรี่อื่นๆ ที่ดีเยี่ยม อาทิ เลกกิ้งสำหรับเด็กแรกเกิด เอสเซสเซอรี่ผ้าถัก และถุงเท้าฮีทเทค อีกด้วย
แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตช่วงฤดูหนาวของชาวฟินแลนด์
มารีเมกโกะมุ่งทำให้ผู้คนมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น และต่อเติมความสดใสร่าเริงให้กับชีวิตประจำวันผ่านลายพิมพ์และสีสันที่โดดเด่นสะดุดตา ส่วนไลฟ์แวร์ (LifeWear) คือความมุ่งมั่นของยูนิโคล่ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าคุณภาพสูงที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมในราคาที่เหมาะสมเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของทุกคน คอลเลคชั่น ลิมิเต็ดเดอิชั่นคอลเลคชั่นที่ 2 นี้ ได้ประสานแนวทางที่เสริมส่งกันของทั้งสองบริษัท โดยคอลเลคชั่นนี้ได้ผสมผสานองค์ประกอบที่เป็นลักษณะเด่นของทั้งสองแบรนด์เข้าไว้ด้วยกัน สะท้อนถึงวิถีชีวิตในช่วงหน้าหนาวที่ครอบครัว ชาวฟินแลนด์จะพากันไปเดินเล่นในป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะภายใต้แสงเหนือที่สวยอัศจรรย์แล้วกลับมารวมตัวกันรอบๆ เตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายท่ามกลางบรรยากาศอันผาสุกภายในกระท่อมฤดูหนาวของพวกเขา
ข้อมูลคอลเลคชั่น UNIQLO x Marimekko Limited Edition
- วันที่เริ่มวางจำหน่าย: วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2562
- สถานที่วางจำหน่าย: ร้านยูนิโคล่ทุกสาขา และทาง www.uniqlo.com/th
- เว็บไซต์พิเศษ: https://s.uniqlo.com/marimekko_fb1114
ซีร์โตลาปูตาร์ฮา (Siirtolapuutarha): ซีร์โตลาปูตาร์ฮา (สวนในเมือง) ซึ่งออกแบบขึ้นโดย ไมยา โลอิการิ (Maija Louekari) ในปี 2009 เป็นภาพลายเส้นแสนสวยที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางจากความวุ่นวายใจกลางมหานครเข้าสู่สวนจัดสรรที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชผัก
กีเว็ต (Kivet): ไมยา อิโซลา (Maija Isola) สร้างสรรค์ลายพิมพ์กีเว็ต (หิน) ขึ้นในปี 1956 โดยใช้กรรไกตัดแผ่นกระดาษสีออกเป็นรูกลมๆ รูปทรงของลายพิมพ์นี้น่าจะมีที่มาจากหินก้อนโตซึ่งมีขอบขรุขระที่ถูกเก็บกวาดออกจากพื้นที่บริเวณโฮม สตูดิโอของศิลปินท่านนี้
ปัลโลเซ็ต (Palloset): ไมยา โลอิการิ ออกแบบลายพิมพ์ปัลโลเซ็ต (ลูกบอล) ของเธอเมื่อปี 2007 โดยการตัดกระดาษสีสันสดใสเป็นรูปทรงกลมแล้วเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ เธอต้องการสร้างพื้นผิวคล้ายตาหมากรุกโดยที่ไม่ใช้ตาหมากรุกจริง
เปอร์โกลา (Pergola): ลายพิมพ์เปอร์โกลาที่แสนเย้ายวนนี้ได้รับการออกแบบขึ้นโดย ไมยา อิโซลา ในปี 1965 เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของเส้นสายที่บรรจงวาดขึ้นด้วยมือและสื่ออารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี โดยฝีมือนักออกแบบระดับไอคอนผู้ออกแบบลายพิมพ์ให้กับมารีเมกโกะไว้มากกว่า 500 ลายตลอดช่วงชีวิตของเธอ
เซย์รีนี (Seireeni): ลายเซย์รีนี (ไซเรน) สุดคลาสสิคชิ้นนี้ เป็นลวดลายหนึ่งในซีรีส์อาร์คคิเตห์ติ (สถาปัตยกรรม) ซึ่งไมยา อิโซลา ออกแบบขึ้นเมื่อปี 1964 โดยใช้โครงสร้างกราฟิกที่ดูทรงพลัง ไมยารู้สึกอยู่เสมอว่าในขณะออกแบบผ้า ผู้ออกแบบไม่ควรแม้แต่จะคิดถึงการใช้งานของมัน และมันจะได้รับการตัดสินด้วยรสนิยมและความต้องการส่วนตัวของแต่ละบุคคลเท่านั้น
รัสซีมัตโต (Raesymatto): ลวดลายรัสซีมัตโต (พรมปอนๆ) ซึ่งออกแบบโดย ไมยา โลอิการิ ในปี 2009 โดยนำแรงบันดาลใจมาจากการทำสวนในพื้นที่จัดสรร มีความเชื่อมโยงกับอรรถบทเฉพาะถิ่น เช่นการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนและความสุขในการทำงานด้วยมือของตนเอง สวนจัดสรรซึ่งประกอบไปด้วยแปลงพืชผักและดอกไม้ เป็นตัวแทนของธรรมชาติในแบบที่ดีที่สุดที่จะเป็นได้ในเขตเมือง และพรมปอนๆ ที่อยู่บนพื้นกระท่อมในสวนจัดสรรก็เป็นสิ่งที่บอกเล่าเรื่องราวอันมีสีสันในตัวของมันเอง
นอนปาเรลลิ (Nonparelli): ลายพิมพ์นอนปาเรลลิ (ไม่มีเสมอเหมือน) ซึ่งออกแบบโดย ไมยา โลอิการิ ในปี 2007 ให้ภาพของการตกแต่งขนมเค้กด้วยสีสันที่โลดเต้นอย่างสดใสไม่มีเสมอเหมือน มันถูกออกแบบขึ้นโดยการตัดกระดาษด้วยเทคนิคที่สร้างลุคแบบขี้เล่นให้กับลายพิมพ์นี้
ทาซาไรตะ (Tasaraita): เมื่อกางเกงยีนส์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แอนนิก้า ไรมาลาจึงอยากออกแบบคอลเลคชั่นจากผ้าคอตตอนเจอร์ซีย์ที่ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ สำหรับสาวกยีนส์ทั้งหลายไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ไซส์ หรือเพศไหน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของคอลเลคชั่นแรกของคอตตอนเจอร์ซีย์จากมารีเมกโกะที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1968 ซึ่งเป็นลายทางขวาง ลายอมตะที่ไม่มีวันต๘๘๘กยุค
เกี่ยวกับ ยูนิโคล่ และ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง
ยูนิโคล่ เป็นแบรนด์ในเครือบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นชั้นนำระดับโลกในธุรกิจค้าปลีก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ยูนิโคล่เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ฟาสต์ รีเทลลิ่งทั้ง 8 แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่เหลือได้แก่ GU, Theory, Helmut Lang, PLST (Plus T), Comptoir des Cotonniers, Princesse tam.tam และ J Brand บริษัทฯ มียอดจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 2.2905 ล้านล้านเยนในปีบัญชี 2019 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2019 (ประมาณ 21.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ ต่อ 106.4 เยน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2019) ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกสินค้าเครื่องแต่งกายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยูนิโคล่เป็นแบรนด์ค้าปลีกสินค้าเฉพาะทางชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น
ยูนิโคล่ยังคงเดินหน้าเปิดร้านสาขาขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่และในทำเลที่สำคัญต่างๆ ในโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในฐานะแบรนด์ระดับโลก ในปัจจุบันยูนิโคล่มีจำนวนร้านสาขากว่า 2,000 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา จีน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินโดนีเซีย อิตาลี มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สเปน สวีเดน ไต้หวัน ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2010 ยูนิโคล่ยังได้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมขึ้นร่วมกับธนาคาร Grameen Bank ในบังกลาเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีร้าน Grameen-UNIQLO เปิดดำเนินงานอยู่หลายสาขาในกรุงธากา
ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มีพันธกิจที่จะเปลี่ยนโฉมเสื้อผ้า พลิกโฉมหน้าของภูมิปัญญาเดิมๆ และเปลี่ยนแปลงโลก โดยบริษัทฯทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์เสื้อผ้าชั้นเยี่ยมด้วยค่านิยมใหม่ที่พิเศษไม่เหมือนใคร เพื่อร่วมสร้างสรรค์ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้คนทุกหนแห่ง ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยูนิโคล่และฟาสต์ รีเทลลิ่ง ได้ที่เว็บไซต์ www.uniqlo.com และ www.fastretailing.com
เกี่ยวกับมารีเมกโกะ
มารีเมกโกะ (Marimekko) เป็นบริษัทออกแบบสัญชาติฟินแลนด์ซึ่งเป็นที่ชื่นชมทั่วโลกจากศิลปะลายพิมพ์ของบริษัท มารีเมกโกะเป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์รายแรกๆ ในโลก โดยแบรนด์ได้ผสมผสานผลิตภัณฑ์แฟชั่น กระเป๋า และเครื่องประดับ ตลอดจนของตกแต่งบ้าน เพื่อการแสดงออกถึงการใช้ชีวิตอย่างเบิกบาน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 มารีเมกโกะได้ช่วยให้ผู้คนได้แสดงออกถึงบุคลิกภาพของตนเองโดยการปลอดปล่อยเค้าโครงของสิ่งต่างๆ และการตกแต่งบ้านด้วยการใช้ลายพิมพ์และสีสันที่โดดเด่นสะดุดตา ความเป็นอิสระจากกาลเวลาคือหัวใจในการออกแบบของเรามาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม และตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา นอกจากสไตล์ anti-fashion ของมารีเมกโกะจะกลายเป็นกระแสนิยมแล้วยังได้กลายเป็นวิถีชีวิตอีกด้วย ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของมารีเมกโกะมีจำหน่ายในประเทศต่างๆ ประมาณ 40 ประเทศ ในปี 2018 แบรนด์มารีเมกโกะมียอดขายผลิตภัณฑ์ทั่วโลก 248 ล้านยูโร และบริษัทมียอดขายสุทธิเกือบ 112 ล้านยูโร โดยมารีเมกโกะมีร้านเปิดให้บริการลูกค้าประมาณ 150 สาขาทั่วโลก ภูมิภาคที่เป็นตลาดหลักของแบรนด์ ได้แก่ ยุโรปตอนเหนือ อเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัทมีพนักงานประมาณ 450 คน และหุ้นของบริษัทเปิดให้ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เฮลซิงกิ เว็บไซต์ของบริษัทคือ www.marimekko.com