กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้
FPI กำไรแรง 9 เดือนแรกพุ่งทะลุ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.53% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าตัวเลขกำไรรวมทั้งปีของปีที่ผ่านมา อานิสงส์ยอดขายทั้งในและต่างประเทศโตสนั่น ภูมิคุ้มกันสูง แม้ค่าเงินบาทแข็ง 6% ยังรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 18% พร้อมบุ๊คส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 7.5 MW ในช่วง 9 เดือนแรกกว่า 10.87 ล้านบาท
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3 ปี 2562 มีรายได้รวม 538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท หรือ 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 457 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากการขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ในประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น จากที่ในปี 2561 ประเทศซาอุดิอาระเบียมีภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ในปี 2562 ภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นทำให้ความต้องการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนประกอบรถยนต์เพิ่มมากขึ้น
สำหรับในส่วนของยอดขายในประเทศก็มีอัตราที่เพิ่มขึ้นจาก 77 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2561 เป็น 110 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2562 หรือเพิ่มขึ้น 43% จากการขายงาน OEM ของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อีซูซุ และ มิตซูบิชิ
นอกจากนี้ รายได้จากโซนอเมริกาใต้เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่ โดยได้มีการขยายสาขาเพิ่มเติม อีกทั้งบริษัทฯได้มีนโยบายในการขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายเดียวที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงในบางประเทศ ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มยอดขายของลูกค้าโซนนี้ได้ในปี 2562
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 6% จากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 32.75 บาท/ดอลลาร์ ในไตรมาส 3 ปี 2561 เป็น 30.68 บาท/ดอลลาร์ ในไตรมาส 3 ปี 2562 ส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นในอัตรา 18%
นายสมพล กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ของปี 2562 และปี 2561 งบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 54 ล้านบาท และ 51 ล้านบาท (ตามลำดับ) เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น
สำหรับ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2562 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท และมากกว่ากำไรปี 2561 ทั้งปี อยู่ที่ 125.55 ล้านบาท
โดยในส่วนของงบการเงินซึ่งแสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ของปี 2562 และปี 2561 มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 52 ล้านบาท และ 50 ล้านบาท (ตามลำดับ) เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% สำหรับรายการส่วนแบ่งขาดทุน จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ในงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 เท่ากับ 2 ล้านบาท และ 2.5 ล้านบาท ตามลำดับ เกิดจาก
1. บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) ในฐานะบริษัทร่วมค้าของ FPI บริษัทฯ เข้าลงทุนใน SAFE ที่สัดส่วนร้อยละ 33.37 ปัจจุบันสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ของบริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (PWGE) โดย SAFE เข้าลงทุนใน PWGE คิดเป็นสัดส่วน 99.99%, บริษัท บิน่า พูรี่ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดย SAFE เข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 49.00% และบริษัท เซฟ ไบโอแม็ส จำกัด โดย SAFE เข้าลงทุนในบริษัท เซฟ ไบโอแม็ส จำกัด คิดเป็นสัดส่วน 100.00% ในงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้า เท่ากับ 3 ล้านบาท และ 10.87 ล้านบาท (ตามลำดับ)
2. FORTUNE-PARTS INDUSTRY ECUADOR CIA.LTDA. ในฐานะบริษัทร่วมค้าของ FPI โดยที่บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วน 45% รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้าในงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 เท่ากับ 0.001 ล้านบาท และ 0.041 ล้านบาท (ตามลำดับ)
3. ALP FPI PARTS PRIVATE LIMITED ในฐานะบริษัทร่วมค้าของ FPI ที่บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วน 45% บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้า เท่ากับ 5 ล้านบาท และ 13.29 ล้านบาท ในงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562