กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง
บีทีเอส กรุ๊ปผงาด สร้างผลประกอบการรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยกำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ 1,131 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562/63 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจขนส่งมวลชน และจากความสำเร็จในการปรับกลยุทธ์ของ วีจีไอ
บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS Group รายงานกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 1,131 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562/63 โดยเพิ่มขึ้น 36.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักของการเติบโตอันโดดเด่นนี้ มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า (Operation & Maintenance หรือ O&M) ในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่เพิ่งเปิดให้บริการ รวมถึงกำไรจากธุรกิจสื่อโฆษณาภายใต้การบริหารงานของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ทั้งนี้ BTS Group ประกาศกำไรสุทธิประจำไตรมาสนี้ จำนวน 1,278 ล้านบาท และกำไรสุทธิสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2562/63 จำนวน 2,171 ล้านบาท
ในไตรมาสนี้ ธุรกิจขนส่งมวลชนยังคงเป็นหน่วยธุรกิจหลักที่เดินหน้าสร้างรายได้และผลกำไรให้กับ BTS Group โดยรายได้รวมจากธุรกิจขนส่งมวลชน อยู่ที่ 9,132 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของรายได้รวมจากการดำเนินงาน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ จำนวน 7,531 ล้านบาท รวมถึงการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง - เคหะฯ) ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ส่งผลให้รายได้ O&M เติบโตขึ้น 414 ล้านบาท หรือ 91.5% จากปีก่อนหน้า เป็น 866 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการให้บริการ O&M นี้ ถือเป็นปัจจัยหนุนหลักที่ทำให้ BTS Group สามารถสร้างสถิติกำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสูงสุดได้ในไตรมาสนี้
คุณกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว "ภาพรวมธุรกิจระบบขนส่งมวลชนของเราในครึ่งปีหลังและในอนาคตจะยังคงเติบโตแข็งแกร่ง จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวสถานีใหม่ๆ และผลจากความรุดหน้าของงานก่อสร้างรถไฟฟ้า"
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 มีการเปิดให้บริการสถานีแรก (สถานี N9: สถานีห้าแยกลาดพร้าว) ของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และเราคาดว่าจะเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนืออีก 4 สถานี (ถึงสถานี N13: สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ในเดือนธันวาคม 2562 โดยเราเชื่อมั่นว่าการเปิดให้บริการทั้ง 5 สถานีดังกล่าวในปีงบประมาณนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในระบบ รวมถึงช่วยเพิ่มรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เราคาดว่า โครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือจะเปิดให้บริการทั้งสาย จากหมอชิตถึงคูคต (ระยะทาง 17.8 กม., 16 สถานี) ได้ภายในปี 2563 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองนั้นคาดว่าเส้นทางหลักของทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี 2564
ในส่วนของธุรกิจสื่อโฆษณา VGI ได้สร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน จากความสำเร็จในกลยุทธ์การเป็นผู้ให้บริการการตลาดแบบ Offline-to-Online (O2O) Solutions ส่งผลให้ VGI รายงานรายได้เพิ่มขึ้น 36.5% YoY จาก 1,222 ล้านบาท เป็น 1,668 ล้านบาท (เติบโต 36.5% จากปีก่อน) และ VGI ยังสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยประกาศกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6% YoY ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือทางด้าน synergy ภายในกลุ่ม VGI
หนึ่งในการเดินหน้าปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ O2O solutions ของ VGI นั้น คณะกรรมการบริษัทมาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) (MACO) (บริษัทย่อยของ VGI) ได้มีการอนุมัติการเข้าลงทุน 50% ใน บริษัท ฮัลโล บางกอก แอล อี ดี จำกัด และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Private Placement) จำนวน 1,080 ล้านหุ้น ให้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (PlanB) ทั้งนี้ เมื่อธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ MACO จะเดินหน้ารุกต่อขยายการเติบโตในต่างประเทศ สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศ MACO จะให้สิทธิ PlanB เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการขายและบริหารสื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำธุรกรรมให้แล้วเสร็จสมบูรณ์นั้น ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นใน วันที่ 17 ธันวาคม 2562
คุณกวินกล่าวเพิ่มเติมว่า "จากผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณาที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายของธุรกิจสื่อโฆษณาสำหรับปี 2562/63 ที่ตั้งไว้ได้ เพราะกลุ่ม VGI มีพัฒนาการที่สำคัญทั้งจากการดำเนินงาน ผสานเข้ากับการบูรณาการภายในกลุ่มธุรกิจภายใต้ VGI จะช่วยยกระดับผลการดำเนินงานให้เติบโต สามารถสร้างรายได้ ผลกำไร และมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต"
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก BTS Group ไม่เพียงแค่สร้างผลการดำเนินงานด้านการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงได้รับการจัดอันดับจากสถาบันที่ประเมินผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ดังวิสัยทัศน์หลัก City Solutions ของเราที่มุ่งหวังจะเป็นผู้นำและยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน โดย BTS Group ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ประจำปี 2562 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 และได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) ประจำปี 2562 เป็นปีแรก นอกจากนี้ BTS Group ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ประจำปี 2562 โดยสถาบันไทยพัฒน์อีกด้วย
"รางวัลที่น่าภาคภูมิใจในครั้งนี้ เป็นผลมาจากความทุ่มเทและการร่วมมือกันของทุกหน่วยงานใน BTS Group ในการมุ่งไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเรามุ่งเน้นให้บริษัทฯ มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำพากลุ่มบริษัท บีทีเอสของเราไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนในระยะยาวอย่างยั่งยืน" คุณกวินกล่าว
เกี่ยวกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS Group ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ โดยมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนับเป็นหนึ่งในสมาชิกของหุ้น BlueChip ที่อยู่ในดัชนี SET50 รวมถึงยังเป็นสมาชิกของดัชนี DJSI MSCI Asia Pacific และ FTSE4Good โดย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 มีมูลค่าตามราคาตลาด 170,919.1 ล้านบาท (หรือ 5.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ)
BTS Group มุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เห็นได้จากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ด้าน ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่ดีเลิศและการพัฒนาทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มุ่งเน้นการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ที่จะช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ความพยายามและทุ่มเทของเรายังได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก เป็นดั่งบทพิสูจน์ถึงการมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการทำงานของเรา