กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น
ราคาหุ้น TPS ยังมีอัพไซด์อีกเพียบ เหตุโบรกเกอร์จาก 6 ค่ายประเมินราคาเหมาะสมสูงสุด 4.30 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาไอพีโอที่เสนอขาย 2.50 บาท/หุ้น ค่าพีอีเรโชต่ำแค่ 11.57 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเทคโนโลยีในตลาด maiเทรดอยู่ที่ระดับ 20.68 เท่า บริษัทฯมีศักยภาพธุรกิจฐานทุนแกร่ง อนาคตรายได้และกำไรจะโตก้าวกระโดด ได้รับปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศเติบโตตามแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัล
มีรายงานบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ 6 แห่ง ซึ่งได้ประเมินราคาเหมาะสมสูงสุดของหุ้นTPS 4.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาหุ้นไอพีโอที่เสนอขาย 2.50 บาทต่อหุ้น จึงมีส่วนต่างอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก โดย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ฝ่ายวิจัยได้ประเมินราคาที่เหมาะสมที่ 4.30 บาทต่อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาราคาหุ้น TPS ปี 2563 อยู่ที่ 4.14 บาทต่อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 3.96 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ราคาพื้นฐานปี 2563 อยู่ที่ 3.75 บาท บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.55 บาท และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.54 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ TPS กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโออยู่ที่ราคา 2.50 บาท คิดเป็นค่าพีอีเรโช 11.57 เท่า โดยเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน ซึ่งเทรดที่ P/E ที่ 15.6 เท่า และเปรียบเทียบกับ P/E ของกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเทรดอยู่ที่ P/E ที่ 20.68 เท่า โดย P/E ดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง
TPS ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 1.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.ธุรกิจให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย และ 3. ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้น TPS อยู่ที่ระดับ 4.30 บาทต่อหุ้น อ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ TPS ซึ่งมีค่า PE อยู่ที่ 13 เท่า โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.57 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
ทั้งนี้ TPS มีจุดเด่น เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Cisco , NetApp ,Palo Alto Networks , Symantec, VMware และ Fortinet เป็นต้น โดยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท Cisco เป็นหลัก ซึ่ง Cisco เป็นผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์และ Software เกี่ยวกับ Data Networking
ขณะที่โอกาสการเข้าประมูลงาน โดย ณ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้คำสั่งซื้อจากลูกค้า และยังไม่ได้จัดส่งให้ลูกค้า จำนวน 168.6 ล้านบาท ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. 2562 บริษัทฯ มีโครงการที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก จำนวน 68.5 ล้านบาท มีประมาณการรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษา จำนวน 82.5 ล้านบาท และมีโครงการออกแบบและพัฒนาซอฟท์แวร์เครื่องฝึกหัดขับรถไฟจำลอง จำนวน 58.8 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีลูกค้าทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน รวม 378 .4 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงาน คาดการณ์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งประเมินรายได้ปี 2562 และปี 2563 จะอยู่ที่ 655 ล้านบาท และ 1,042 ล้านบาทตามลำดับ โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 - 2564 จะเติบโต 7.6% และมีโอกาสการเข้าประมูลงานเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดสื่อสาร โดยคาดว่า การเติบโตจะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ นโยบายประเทศไทย 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2562 มีประมาณ 3,000,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า TPS อยู่ในตลาดที่มีกำลังมีความต้องการสูง
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 52 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2560 -2564 เติบโต 22.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้ เนื่องจากบริษัทฯมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาราคาเป้าหมายของ TPS ปี 2563 อยู่ที่ 4.14 บาทต่อหุ้น โดยระบุว่า TPS ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบติดตั้งและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี จุดเด่นคือได้รับ Gold Certified Partner จาก Cisco ผู้นำตลาดอุปกรณ์โครงข่ายของโลก จึงทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนในระดับสูงสุด ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ปัจจุบันงานที่บริษัทรับอยู่ราว 70% มาจากงานภาคเอกชน โดยในอนาคตบริษัทมีแผนขยายไปรับงานในส่วนของภาครัฐมากขึ้น จากนโยบายประเทศไทย 4.0 และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้อุตสาหกรรมที่บริษัทมีส่วนร่วมสามารถเติบโตได้ราว +3% ทั้งนี้ได้ประเมินกำไรปี 2562 -2563 ที่ 63 ล้านบาท และ 77 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยราว 35%
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งวางระบบเครือข่ายของ TPS ดูสดใสตามอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล และกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคสู่สังคมดิจิทัล โดยที่ผ่านมาตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยในปี 2560-2561 มีมูลค่าราว 4.14-4.24 แสนล้านบาท ในขณะที่ TPS มีรายได้ในระดับ 0.84 พันล้านบาทในปี 2560 และ 0.54 พันล้านบาทในปี 2561 (ลูกค่าภาครัฐชะลอการจัดซื้อในช่วงการเมืองยังไม่ชัดเจน) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.20% และ 0.13% ของมูลค่าตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในปี 2560-2561
ทั้งประเมินราคาที่เหมาะสมปี 2563 ไว้ที่ 3.96 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรปี 2562 เติบโต 17% YoY เป็น 49 ล้านบาท โดยในช่วง 1H62 มีรายได้ 321 ล้านบาท และมีกำไรแล้ว 22 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 2H62 กำไรจะดีขึ้นเป็น 27 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่แล้ว 379 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะส่งมอบและบันทึกเป็นรายได้ทันภายในปีนี้ โดยปี 2563 คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ บวกกับบริษัทได้เข้าไปนำเสนอโครงการแก่ภาครัฐเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทมูลค่าตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศจะกลับไปอยู่ที่ 0.20% เท่ากับที่เคยทำได้ใรปี 2560 ซึ่งจะหนุนให้กำไรปี 2563 โตได้ถึง 88% เป็น 93 ล้านบาท