กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--Software Park Thailand
-: Software Product Lines: The Effective Reuse Strategies :-
Date / Time : 27 - 28 March 2008
Venue : Training / Seminar Room, 3rd Floor, Software Park Building
Registration Fee : 9,630 Baht (Included VAT 7 %)
Course Overview
Software Product Lines คือ การนำแนวคิดการผลิตเชิงอุตสาหกรรมมาใช้ โดยนำหลักการที่สำคัญ คือ ‘การจัดการสายการผลิต’ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การวิจัยและสำรวจตลาด วิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์ วางแผนสายการผลิต จนถึงเริ่มต้นผลิตสินค้า ประโยชน์ที่ได้รับจาการจัดการสายการผลิตที่ดีคือ ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิต สนับสนุนให้เกิดกระบวนการการผลิตสินค้าให้มีความหลากหลาย (variety of product) และปรับให้เข้ากับผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้เป็นอย่างดี (highly customizable) และช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับตัวสินค้า นอกจากนี้ยังมีประโยฃน์อื่นอีกมากมาย โดยเฉพาะการสร้าง ‘core asset base’ ซึ่งเป็นการนำ common component มาแปลงให้เป็น core asset base โดยอยู่บนพื้นฐานของการ reuse แต่การ reuse ต้องเป็นการ reuse ที่มีการวางแผนและจัดการอย่างดี มิใช่เป็นเพียง ประเด็นด้าน technical เท่านั้น แต่เป็นประเด็นในระดับบริหาร
การผลิตซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่นหลายชนิดที่มีความเกี่ยวโยงกัน หรือเรียกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ (product family) เหมาะสำหรับ การผลิตซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ หรือ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาใช้เองภายในองค์กร ซึ่งทั้งซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นมา มิได้มีเพียงตัวเดียว แต่มีหลายตัว และมักไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกัน และอาจมีการสร้างขึ้นมาเพื่อจำหน่ายหรือใช้งานอยู่เรื่อย ๆ หลายองค์กรจึงมักมีปัญหา เช่น
ต้องแก้ไขซอร์สโค้ดเดิม ๆ เพื่อให้เข้ากับงานของลูกค้ารายใหม่ จนระบบฯ หนึ่ง ๆ มีหลายเวอร์ชั่นตามจำนวนลูกค้า
เสียเวลาและกำลังคนกับการอิมพลีเม้นต์ระบบฯ ให้กับลูกค้าแต่ละราย
เมื่อจะพัฒนาระบบฯ ใหม่ ก็ต้องเก็บ requirements วิเคราะห์ ออกแบบ และสร้างใหม่หมดตั้งแต่ต้น (เริ่มตั้งแต่ศูนย์ทุกครั้ง) โดยไม่สามารถ reuse สิ่งที่มีอยู่แล้ว
ไม่ทราบว่าอะไรสามารถ reuse ได้ และ reuse ไม่ได้ และจะทำให้อะไรให้ reuse ได้บ้าง เลยมัก reuse กันผิด ๆ ถูก ๆ และเสียเวลาไปกับการออกแบบเพื่อการ reuse โดยเปล่าประโยชน์
ไม่เคยออกแบบ Software Architecture มาก่อน หรือไม่เคยออกแบบล่วงหน้าเลย หรือจะทำก็ต่อเมื่อมีการเริ่มพัฒนาระบบฯ ใหม่ เท่านั้น
องค์กรคิดว่าระบบฯ ที่พัฒนาขึ้นแต่ละครั้งเป็นระบบฯ เล็ก ๆ จึงไม่เคยใส่ใจในการสร้าง Software Architecture ที่ระบบฯ ต่าง ๆ จะสามารถใช้ร่วมกันได้เพื่อประหยัดเวลาและต้นทุนในการพัฒนา
การมีช่องว่างในการทำงานที่สูงเกินไประหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต (ฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์) และฝ่ายอื่น ๆ ทำให้ ประสานงานและสร้างแผนงานร่วมกันได้ไม่ดีพอ
ไม่เคยคำนึงถึงความสำคัญของการจดสิทธิบัตรจากผลงานการออกแบบและสร้าง Software Architecture ที่สามารถถูกใช้ร่วมกันในระบบฯ ต่าง ๆ ได้
มองไม่ออกว่าคอมโพเน้นต์ใดมีประโยชน์ (มีคุณค่า) ควรค่าแก่การจัดเก็บและดูแลโดยระบบจัดการทรัพย์สิน
องค์กรไม่มี Development Tool และ Development / Programming Language ที่เป็นของตนเองหรือเป็นกลาง เพื่อใช้เป็น
เครื่องมือกลางในการ customize ระบบฯ ของตนเอง ทำให้เวลาจะแก้ไขอะไรทีก็ต้องลงไปแก้ถึงระบบซอร์สโค้ดแทบทุกครั้ง
ขาดการคาดการณ์และวางแผนสำหรับอนาคตข้างหน้าอย่างชัดเจน และวางแผนและจัดการร่วมกันทุกฝ่าย
การให้ความสำคัญและสนใจด้าน reuse โดยมีทัศนคติด้าน technical เป็นหลักและมีมากเกินไป
ดังนั้นการนำหลักการการจัดการสายการผลิตมาประยุกต์กับการงานซอฟต์แวร์ จึงอยู่บนพื้นฐานของการตัดสินใจทั้งด้าน technical และด้านธุรกิจหรือองค์กรประกอบด้วยกัน โดยมีการบริหารการตลาดหรือการวิเคราะห์ไปในอนาคตที่ดีพอ และมีการสร้างและจัดการ software architecture ที่ดีพอ จึงจะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จโดยเฉพาะการลดต้นทุน เวลา และเพิ่มคุณภาพให้ยิ่งขึ้นไป ๆ
หลักสูตรนี้อ้าหลักสูงอิงองค์ความรู้จากงานศึกษาวิจัยของสถาบัน Software Engineering Institute (SEI) แห่งมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon เป็นหลัก และหลักการนี้ได้มีบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ ๆ ระดับโลกใช้กันมานานอยู่แล้ว เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ และสามารถนำมาประยุกต์ได้จริง
หลักสูตรอบรมนี้ จะเน้นถึงการเข้าใจหลักการ reuse อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอยู่บนพื้นฐานของการนำหลักการ software architecture มาใช้และจัดการอย่างถูกต้อง และความสำคัญและการจัดการที่ดีด้านธุรกิจ การตลาด และไอทีขององค์กร เพื่อจุดประสงค์ สูงสุดคือการสร้าง ‘core asset base’ จนสามารถนำไปแปลงเป็นทรัพย์สินทางปัญหาและถูกดูแลภายใต้การบริหารทรัพย์สินขององค์กรให้ได้
Course Audience
การอบรมนี้ออกแบบมาสำหรับผู้สนใจในการใช้กลยุทธ์ด้านการ reuse อย่างมีประสิทธิภาพ, IT Manager / CIO / CTO, System Analyst, Business Analyst, Software Architect และผู้สนใจทั่วไปที่มีพื้นฐานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
พื้นฐานของผู้เข้ารับการอบรม (Prerequisites)
ผู้เข้ารับการอบรมควรมีความรู้พื้นฐานด้านการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาซอฟต์แวร์ และหากมีความรู้ด้านการบริหารไอทีและด้านธุรกิจ จะช่วยเสริมความเข้าใจได้มาก
Course Contents
พื้นฐานด้านสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ (Software Architecture)
เข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจ และ Software Architecture ที่ตอบสนองซึ่งกันและกัน (Architecture Business Cycle)
การออกแบบ Architectural Layer
พื้นฐานด้านสายการผลิต (Product Line)
เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นที่มีการใช้ Product Line
ความสำคัญของการวิจัยและสำรวจตลาด, การคาดการณ์อนาคต (Forecast) และการนำหลักการตลาดมาประยุกต์
แรงผลักดันต่าง ๆ ในโลกที่กระตุ้นการใช้ Software Product Line ให้มีมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ Software Product Line
พิจารณาด้านต้นทุนและกำไรจากการนำ Software Product Line มาใช้
กิจกรรมที่สำคัญในการทำ Software Product Line
การบริหารจัดการการ Reuse และการใช้กลยุทธ์ด้านการ Reuse
สิ่งที่สามารถนำมา Reuse ได้
การวางแผนสายการผลิตให้สอดคล้องกับการบริหารในองค์กรและด้าน Technical
Software Architecture คือหัวใจและเป็นแกนหลัก
การทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร ฝ่ายการตลาด เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายทางธุรกิจ และแผนธุรกิจขององค์กร เพื่อสามารถออกแบบ และสร้าง Core Asset Base ขึ้นมาจาก Software(Service) Product Line แล้วให้นำไปจดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร และแปลงให้เป็นทรัพย์สิน(ทางปัญญา) ขององค์กรได้
การสร้างและปรับโครงสร้างทีมงานสำหรับการนำ Software Product Line มาใช้
การใช้ Component Off-The Shelf (COTS) โดยอยู่บนพื้นฐานของหลัก Core Competencies โดยสามารถพิจารณาได้ว่าสิ่งใด สามารถทำเองได้ สิ่งใดไม่ควรทำเอง สิ่งใดควร Outsource สิ่งใดไม่ควร Outsource สิ่งใดเปิดเผยได้ สิ่งใดเปิดเผยไม่ได้
กรณีศึกษาบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ระดับโลกที่มีการใช้ Software Product Line
แนวทางการนำ Software Product Line ไปใช้กับองค์กรที่ผลิตซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ และ องค์กรที่พัฒนาซอฟต์แวร์หรือ แอพพลิเคชั่นขึ้นเพื่อใช้ภายใน
Course Benefits
ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เข้าใจการออกแบบเซอร์วิสโดยละเอียด และมีความเข้าใจที่ดีขึ้นในเรื่อง:
การ Reuse อย่างมีประสิทธิภาพ
การให้ความสำคัญกับการสร้าง Software Architecture
การนำหลักการตลาดมาประยุกต์
ความจำเป็นของการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายบริหาร ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายผลิตหรือฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์
และฝ่ายการตลาด เป็นต้น
การสร้างและให้คุณค่ากับ Core Asset Base และการทำให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญา
Juntima Klumchaun
Technology Transfer Department
Software Park Thailand
Tel: 02-583-9992 ext. 1424
Fax: 02-583-2884
E-mail: training@swpark.org