กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
จัดแสดงระหว่างวันที่ 2 – 30 มกราคม 2563
พิธีเปิดนิทรรศการ วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563 เวลา 6 โมงเย็น
ณ พีเพิ่ลส์แกลเลอรี่ ชั้น 2 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
คำถามมากมายที่เป็นดั่งเสียงกระซิบก้องทุกขณะ" ศิลปะคืออะไร,ความจริงแท้ของสิ่งที่ตนทำคืออะไร,ศิลปะยกระดับจิตใจจริงหรือ,คุณค่าของสิ่งต่างๆคืออะไร,ศิลปะและสุนทรียภาพคือสิ่งเดียวกันหรือไม่,ความมีชีวิตและชีวิตคืออะไร ,โลกนี้คืออะไร ฯลฯ สิ่งที่นักคิดเฝ้าขบหาคำตอบ จุดเริ่มต้นเท่าที่พอค้นพบคือรอยรูปเรื่องราวแห่งชีวิตที่ฝากไว้บนผนังถ้ำ เหตุใดบรรพชนแรกเริ่มจึงลุกขึ้นมาวาดรูป รูปนั้นจำเป็นอย่างไร โลกในสายตาของเขาเป็นอย่างไร บนโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวนักวาดพยายามหยุดเวลา ทำให้มองคล้ายเวทมนต์ฤทธิ์ของมนุษย์ที่เริ่มท้าทายธรรมชาติ เป็นจุดก่อร่างอาณาจักรแห่งความคิดคำนึง จำลองสมมุติ อุปโลกน์ และหยิบจับถักทอให้เป็นรูปธรรม จวบจนลำดับเหตุการณ์แห่งเวลาเดินล่วงจนปัจจุบัน จิตใจปรารถนาของเราถูกตกแต่งประดับประดาเสียเต็มยศ จนแทบมองไม่เห็นหรือหลงลืมรูปร่างตนเอง และกฎเกณฑ์อันจริงแท้ ที่ไม่เคยผันแปรตามกาลสมัย หรือรสนิยมของแฟชั่น เรายังใช้รอยยิ้มเดียวกับมนุษย์ปักกิ่ง เรายังใช้เสียงหัวเราะเดียวกับทาสแห่งลุ่มน้ำไนล์ เรายังใช้อากาศเดียวกับ จูเลียส ซีซาร์ และเรายังคงใช้หยาดน้ำตาเดียวกันทั้งโลก ผมได้รับอนุสัยดึกดำบรรพ์ของนักหยุดเวลายุคหิน จึงมีสัญชาตญาณชอบวาดรูป และปรารถนาใช้การวาดเพื่อเข้าใจการวาดและสิ่งต่าง ๆ ผมเชื่อว่าการปฏิบัติซึ่งการงานอันแท้จะสามารถทำให้เกิดความเข้าใจรู้จักในสิ่งที่ทำอย่างแท้จริง เมื่อรู้จักจริง ใจจะเกิดการปฏิวัติโค่นล้มความเชื่อเดิมที่ถูกครอบหรือที่หลงสมมุติขึ้นเอง สุนทรียภาพเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของมนุษย์ น่าเสียใจนักที่สัตว์ไม่อาจครอบครองสุนทรียภาพนี้ได้ แต่ก็ยังไม่น่าเสียใจเท่ากับผู้ร่วมเผ่าพันธุ์ของเรากลับถูกยื้อแย่งพรากสุนทรียภาพอันเป็นสมบัติของเขาไปหรือถึงแม้จะครอบครองอยู่กลับถูกล่อลวงว่าสิ่งที่ครอบครองอยู่นั้นมิใช่สุนทรียภาพ ดังนั้นเราควรปฏิวัติเพื่อนำสุนทรียภาพคืนสู่ทุกคน ให้เป็นกลิ่นหอมชื่นในประวัติศาสตร์ชีวิต และร่วมหว่านโปรยเกสรความงามลงบนแผ่นดิน เพื่อให้งอกเงยแก่อนาคต เฉกเช่นบรรพชนได้ทำมา ถึงแม้จะยังไม่เห็นดอกบานสะพรั่ง แต่เราเพียรพรวนปัจจุบันให้พร้อม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้กินผลนั้นแต่ก็สุขใจที่หว่านปลูก
คติของการงาน
"ถ้าคุณเห็นความงามในสิ่งใด คุณจะไม่พรากทำลายสิ่งนั้น" นี่คือความเข้าใจที่ผมได้จากการทำงาน สุนทรียภาพนั้นเกิดขึ้นในใจคน ทุกสิ่งที่เราได้รับสัมผัสเปรียบดั่งตัวโน้ตที่ไร้เสียง ซึ่งจะก่อเกิดดนตรีต่อเมื่อเราบรรเลงโน้ตนั้น ผมผู้มีหน้าที่รวบรวมเกสรสุนทรียะ และหว่านโปรยลงบนสนามภาพ ให้เรื่องราวความรู้สึกก่อเกิดเติบโตอย่างธรรมชาติ สิ่งปรากฏภายนอกนั้นเป็นสิ่งกระตุ้นนำให้เกิดปรากฎการณ์ภายใน เหมือนดั่งอาหารที่เป็นบ่อเกิดคุณค่า ซึ่งคุณค่านั้นจะเกิดต่อเมื่อเรากินและย่อยดูดซับค่านั้นเข้าภายในร่างกาย เราจะมอบค่านั้นแด่ผู้อื่นได้เมื่อเรารู้จักอย่างแท้จริง เฉกเช่นบรรพชนที่มอบคุณค่าแห่งสุนทรียะเป็นมรดกแด่แผ่นดิน น้ำใจของคนโบราณนั้นสร้างปัจจุบันสมัย วิธีการวาดผมดั่งเช่นเมล็ดพันธุ์ที่พัดปลิวไปตามชะตานำทางด้วยเจตจำนงอิสระ เมื่อตะกอนความรู้สึกความทรงจำถูกกวนฟุ้งขึ้นก่อการร้อยเรียงเป็นปรากฏการณ์รูป ผมในฐานะคนวาดรูปขอใช้การวาดรูปเพื่อเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต สุนทรียะแห่งศิลปะและปรากฏการณ์ทางความรู้สึกเพื่อมอบคุณค่านั้นเป็นบรรณาการแด่แผ่นดิน ผลงานจะผันเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ซึ่งเดินไปพร้อมกับประสบการณ์และชีวิตโดยไม่ยึดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นผลงานจึงเป็นตัวสะท้อนถึงความคิดอารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตในขณะที่ สร้างผลงานนั้น ๆ ขึ้นมา แสดงออกถึงปรากฏการณ์แห่งความรู้สึกของตนเอง ที่เกิดจากการรับรู้สิ่งต่าง ๆรอบตัวในชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผสมผสานจินตนาการผูกโยงเรื่องราว บันทึกเป็นร่องรอยของเหตุการณ์ปัจจุบัน บรรจุรวมสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในใจขณะสร้างผลงานโดยไม่มีการกำหนดรูปแบบล่วงหน้า วัตถุในผลงานมุ่งสะท้อนเรื่องราวในสังคมและค่านิยมในเรื่องคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดและมาตรฐานของสังคม โดยนำมาเรียงร้อยในองค์ประกอบที่ก่อให้เกิดเรื่องราวใหม่ เปรียบเหมือนภาพบันทึกประวัติศาสตร์ของปัจจุบันขณะ ผมมีความมุ่งหมายในการค้นหาคุณค่าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายในสิ่งต่าง ๆ
เกี่ยวกับศิลปิน
วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ จบการศึกษาจาก คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีประสบการณ์การจัดแสดงผลงานมาแล้วมากมายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศกว่าหนึ่งร้อยครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน วีรพงษ์ยังได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง (ภาพพิมพ์) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 51 รางวัลเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญเงิน (ภาพพิมพ์) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 54 รางวัลเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทองแดง (ภาพพิมพ์) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 52 ,53,55 รางวัล Honorable Mentions, 10th International Biennial Engraving "Josep de Ribera" Xativa, ประเทศสเปน นอกจากนี้ยังเคยร่วมแสดงผลงานศิลปะในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น โรมาเนีย อิตาลี โปแลนด์ กรีซ เยอรมนี ฝรั่งเศส มาเลเซีย อียิปต์ สหรัฐอเมริกา สเปน สิงคโปร์เบลเยียม ตุรกี ไต้หวัน บัลแกเรีย ลาว เวียดนาม สาธารณรัฐเช็ก และสาธารณรัฐมาซิโดเนีย เป็นต้น มีผลงานแสดงเดี่ยวอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง เช่น นิทรรศการ เกียรติจิตรกร Painter Prestige หอศิลปแห่งชาติ /2559, นิทรรศการ พงศาวดาร Chronicle หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ SAC /2560, นิทรรศการ Anthology สรรนิพนธ์ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิร์ด /2562, นิทรรศการ Treasury of Time คลังแห่งเวลา โรงแรมโรสวู๊ด กรุงเทพฯ /2562, นิทรรศการ The Tales of History /Ayino x Gypzy มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่24 อิมแพ๊ค เมืองทองธานี /2562, นิทรรศการสุนทรียะปฏิวัติ Aesthetic Revolt พีเพิ่ลส์แกลลอรี่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร /2563