กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ไออาร์ พลัส
PYLON อวดผลงาน Q3/62 มีกำไรสุทธิ 60.44 ลบ. เพิ่มขึ้น 9.67% กวาดรายได้ 269.64 ลบ. ส่งผลงวด 9 เดือน โกยกำไรสุทธิ 185.64 ลบ. โตกว่า 17.88% มีรายได้ 955.71 ลบ. "ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล" บอสใหญ่ ประเมินผลงานไตรมาส 4/2562 โตต่อ ดันอัตราการใช้กำลังการผลิตเต็ม คาดการณ์ Backlog สิ้นปีนี้ขยับเกิน 1,800 ล้านบาท สนันสนุนผลประกอบการเติบโตเกินเป้าที่ 15% มั่นใจภาพอุตสาหกรรมปี 2563 ดีกว่าปีนี้ จากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง
ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนแรก ปี 2562 ( 1 ม.ค.-สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2562) บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 185.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.88 โดยมีรายได้จากการให้บริการ 955.71 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 92.89 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 8.86 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,048.60 ล้านบาท
ส่วนไตรมาส 3 ปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 60.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.33 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.67 โดยมีรายได้จากการให้บริการ 269.64 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 147.64 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 35.38 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 417.28 ล้านบาท
"ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร ปี 2562 บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตเกินเป้าหมายจากเดิมที่วางไว้ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน ซึ่งมองภาพรวมยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะงานในมือที่บริษัทมีอยู่เป็นจำนวนมาก" ดร.ชเนศวร์ กล่าว
ดร.ชเนศวร์ กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2562 โตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3/2562 ซึ่งบริษัทคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรจะสูงกว่า 25 ชุด บริษัทฯได้เข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่องเพื่อเข้ามาเติมปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ปัจจุบันที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปี 2563 จะมีการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นอานิสงส์บวกต่อบริษัทในการเข้าไปรับงานเพิ่มขึ้น และคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 ปริมาณงานในมือ (Backlog) จะเพิ่มขึ้นกว่า 1,800 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประเมินทิศทางของอุตสาหกรรมฐานรากในปี 2563 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตได้มากกว่าปีนี้จากปริมาณงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่จะทยอยออกมาตั้งแต่ในช่วงปลายปีนี้อาทิ โครงการ ทางด่วนดาวคะนอง-พระราม 3 ทางยกระดับพระราม 2 โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช เป็นต้น รวมถึงยังมีโครงการในอนาคต ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีมูลค่างานเสาเข็มเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาท สนามบินอู่ตะเภา โครงการที่บางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก เป็นต้น