กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD จุดพลุเปิดตัว 'ห้องเย็นโรโบติกส์' แห่งใหม่ในย่านมหาชัย เพื่อให้บริการแบบสาธารณะเป็นรายแรกในไทยและมีพื้นที่จัดเก็บสินค้ามากที่สุดถึง 7,000 ตารางเมตร นำระบบจัดเก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ (ASRS) ใช้ในการเคลื่อนย้ายและจัดเรียงสินค้า ลดการใช้แรงงานได้ 50% และประหยัดพลังงานไฟฟ้า 30-50% เมื่อเทียบกับห้องเย็นแบบเดิม รวมถึงสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสินค้าแนวสูงได้ถึง 14 ชั้น รวม 15,000 พาเล็ต โชว์ผลตอบรับดีเกินคาดหลังเปิดบริการเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมที่ผ่านมา มีอัตราใช้พื้นที่เกิน 80% เล็งขยายการลงทุนห้องเย็นโรโบติกส์เพิ่มเติม ผู้บริหารมั่นใจธุรกิจห้องเย็นไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีถูกอเมริกาตัดสิทธิ GSP เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าที่ส่งออกอาหารไปอเมริกาน้อยมาก
นายจิตชัย นิมิตรปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัวห้องเย็นระบบโรโบติกส์แห่งใหม่ (อาคาร 8) ที่เปิดให้บริการแบบสาธารณะแก่ลูกค้าทั่วไปเป็นแห่งแรกและมีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในย่านมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตอบสนองความต้องการจัดเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่ยังคงขยายตัวได้ดี จึงเห็นโอกาสขยายการลงทุนห้องเย็นแห่งใหม่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/62 ภาพรวมการดำเนินงานคลังสินค้าห้องเย็นของ JWD มีอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ย 73% ของพื้นที่รวม 70,327 ตารางเมตร
ห้องเย็นระบบโรโบติกส์แห่งใหม่ใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท (ที่ดินและค่าก่อสร้าง) เริ่มเปิดบริการเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีพื้นที่รวม 7,000 ตารางเมตร ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการที่ทันสมัย โดยติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ หรือ Automated Storage Retrieval System (ASRS) จึงสามารถจัดเก็บสินค้าได้อย่างรวดเร็ว มีความแม่นยำและความปลอดภัยสูง รวมถึงสามารถจัดเก็บสินค้าในแนวสูงได้ถึง 14 ชั้น รวมประมาณ 15,000 พาเล็ต แต่ใช้ที่ดินก่อสร้างอาคารเท่าเดิม
"จุดเด่นของห้องเย็นแห่งใหม่คือ การติดตั้งเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ASRS ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายสินค้าที่รับจัดเก็บเข้าสู่ห้องเย็น การจัดเรียงสินค้าในแนวสูง และการขนย้ายออกจากห้องเย็น จึงสามารถลดการใช้แรงงานลงได้ 50% และประหยัดพลังงานไฟฟ้าภายในอาคารได้ประมาณ 30-50% เมื่อเทียบกับคลังสินค้าห้องเย็นแบบเดิมที่ใช้การจัดเรียงด้วยระบบแมนนวลและต้องใช้เนื้อที่ค่อนข้างมาก" นายจิตชัย กล่าว
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า หลังจากบริษัทฯ เปิดบริการห้องเย็นระบบโรโบติกส์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคมที่ผ่านมา ถือว่ามีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ มีอัตราการเช่าพื้นที่เกิน 80% ของพื้นที่จัดเก็บสินค้า และถึงจุดทำกำไรได้แล้ว ซึ่งถือว่ารวดเร็วกว่าเดิมที่ตั้งเป้าหมายเริ่มทำกำไรภายในระยะเวลา 12-18 เดือนนับจากเริ่มเปิดให้บริการ โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดเก็บสินค้าอาหารทะเลที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่ห้องเย็นระบบโรโบติกส์จะเพิ่มขึ้นได้อีกในปีหน้า
จากผลตอบรับที่ดีกว่าเป้าหมาย บริษัทฯ จึงมีแผนงานขยายการลงทุนคลังสินค้าห้องเย็นระบบโรโบติกส์อาคารใหม่เพิ่มเติมภายในพื้นที่โครงการมหาชัย เพื่อรองรับปริมาณจัดเก็บสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการออกแบบงานระบบต่าง ๆ โดยจะนำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการก่อสร้างห้องเย็นระบบโรโบติกส์แห่งแรกมาปรับใช้ จึงคาดว่าจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุนได้ดีกว่าเดิม ส่งผลดีต่อระยะเวลาการคืนทุนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเตรียมตัดสิทธิ GSP (Generalized System of Preference) หรือสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นของ JWD เนื่องจากลูกค้าที่เช่าพื้นที่ในปัจจุบันมีสัดส่วนส่งออกสินค้าไปอเมริกาน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแบบบรรจุกระป๋อง ซึ่งไม่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ GSP ดังกล่าว
"ในช่วงที่ผ่านมาเรายังคงได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องการนำสินค้ามาจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มห้องเย็น JWD มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจห้องเย็นมากว่า 20 ปี เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นรายใหญ่ ที่ผ่านมาตรฐานรับรองการทำประมงจากธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งใบอนุญาตอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับทำเลมหาชัยถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมประมงและอาหารทะเล จึงมั่นใจว่ายังคงมีความต้องการใช้พื้นที่เพื่อจัดเก็บสินค้าอย่างต่อเนื่อง" นายจิตชัย กล่าว