กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงพืชทางเลือกของเกษตรกรจังหวัดหนองคาย พบว่า ไม้ดอกไม้ประดับที่สำคัญ ได้แก่ ดอกดาวเรือง ดอกเบญจมาศ และดอกมัม เป็นพืชทางเลือกที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุดในอำเภอเมือง อำเภอศรีเชียงใหม่ และท่าบ่อ ยังมีปริมาณน้ำเพียงพอ ทั้งจากแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา ไม้ดอกทั้ง 3 ชนิดนิยมนำมาเป็นเครื่องสักการะบูชาในศาสนาพุทธ อีกทั้งตลาดมีความต้องการสูงโดยเฉพาะดอกดาวเรืองสามารถส่งขายไปยัง สปป.ลาว สร้างรายได้ให้เกษตรกร
จากการลงพื้นที่ สศท.3 โดยสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับชุมชนหนองบัวทอง อำเภอเมือง มีจำนวนสมาชิก 30 ราย ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูก 29 ไร่ พบว่า เกษตรกรนิยมปลูกดอกดาวเรือง ดอกเบญจมาศ และดอกมัม ในพื้นที่ครึ่งงาน ถึง 1 งาน ซึ่งเกษตรกรสามารถปลูกได้ 1-2 รอบ/ปี โดยดอกดาวเรือง ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 34,498 บาท/ไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ 2-4 เดือน ให้ดอกตั้งแต่อายุ 2 เดือน นิยมปลูกในช่วงเดือนสิงหาคม– ตุลาคม ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 979 กก./ไร่ (5-6 หมื่นดอกคละเกรด) ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 63 บาท/กก. ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 27,056 บาท/ไร่/รอบการผลิต ซึ่งจะมีแม่ค้าคนกลาง มารับซื้อถึงสวนทุกวัน ราคาแยกเป็นเกรดตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก ซึ่งเกรด A ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม. ราคาขายอยู่ที่ 1 บาท/ดอก ส่วนเกรด B ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 - 9 ซม. ราคาขาย 0.6 บาท/ดอก หรือ เกรด C ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 - 7 ซม. ราคา 0.5 บาท/ดอก และขนาดเล็ก ราคา 0.3 - 0.25 บาท/ดอก ทั้งนี้ ดอกดาวเรืองเป็นพืชสวนที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้น้ำและการตัดดอกขายและจะขายดีในช่วงก่อนถึงวันพระ 1 วัน (วันโกน)
ดอกเบญจมาศ ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 81,739 บาท/ไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ 3 - 4 เดือน การเก็บเกี่ยวจะสามารถเก็บผลผลิตได้เพียงครั้งเดียว โดยทยอยตัดได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม นิยมปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน – มกราคม ของปีถัดไป ให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,584 กก./ไร่ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 97,477 บาท/ไร่/รอบการผลิต การตัดดอกขายแยกเป็นเกรดตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก ซึ่งเกรด A ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 - 10 ซม. ราคาขาย อยู่ที่ 75 บาท/กก. ส่วนเกรด B ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 ซม. ราคาขาย 60 บาท/กก.
ดอกมัม ต้นทุนนับตั้งแต่เริ่มต้นปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 69,140 บาท/ไร่ อายุการเพาะปลูกประมาณ 3 - 4 เดือน การเก็บเกี่ยวจะสามารถเก็บผลิตได้เพียงครั้งเดียว โดยทยอยตัดได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม เช่นเดียวกับดอกเบญจมาศ นิยมปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน – มกราคม ของปีถัดไป ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2,443 กก./ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 60 - 70 บาท/กก.ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 87,803 บาท/ไร่/รอบการผลิต ส่วนใหญ่จะมีแม่ค้าคนกลางมารับซื้อถึงสวนทุกวัน ซึ่งเกษตรกรบางรายที่มีแผงและร้านจำหน่ายดอกไม้ จะนำไม้ดอกมาเพิ่มมูลค่าด้วยการร้อยมาลัยหรือจัดช่อสำหรับไหว้พระ แหล่งขายส่วนใหญ่อยู่ที่หลังวัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย โดยราคาขายจะอยู่ที่ 10 บาท/กำ หากขายเป็นพวงมาลัยราคาขาย จะอยู่ที่ 5 - 40 บาท/พวง ซึ่งขึ้นกับขนาดและรูปแบบของมาลัย
นอกจากนี้ ยังมีไม้ดอกไม้ประดับที่เกษตรปลูกเพิ่มเติม ได้แก่ ใบเตย ดอกมะลิ ดอกพุด ดอกคัตเตอร์ และดอกสร้อยทอง แสดงให้เห็นว่าการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เป็นสินค้าพืชทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยสร้างรายได้กับเกษตรกร ทั้งนี้ ท่านที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการปลูกไม้ดอกจังหวัดหนองคาย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นางขวัญเรือน น้อยเจริญ รองประธานกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับชุมชนหนองบัวทอง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย โทร. 08 5000 8651