กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
หลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) พร้อมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เพื่อส่งเสริมการลงทุนในระยะยาวนั้น นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (บลจ.กสิกรไทย) ให้ความเห็นว่า ทางรัฐบาลพยายามที่จะให้คนตระหนักถึงการออมเพื่อการเกษียณมากขึ้น จึงขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากเดิมที่ 15% เป็น 30% และปรับให้การออมเพื่อการเกษียณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยโครงสร้างใหม่ของกองทุน SSF ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่อง แต่ต้องถือครบ 10 ปี ดังนั้น คนรุ่นใหม่หรือผู้ที่ไม่เคยลงทุนใน RMF อาจจะมีความสนใจมากขึ้น
"การออมเพื่อการเกษียณของคนไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และโครงสร้างของประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย อาจจะนำมาซึ่งความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในอนาคต การออมที่เพียงพอและการหาผลตอบแทนจากการออมผ่านการลงทุนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งในปัจจุบันการออมและการลงทุนอาจจะยังไม่มีประสิทธิผลที่เพียงพอและไม่ครอบคลุม กองทุน SSF จะเข้ามาช่วยในการขยายฐานให้เข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ตระหนักถึงการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งกองทุนยังมีความยืดหยุ่นในแง่การลงทุนได้หลากหลายประเภทสินทรัพย์กว่า LTF เดิมที่เน้นลงทุนเฉพาะในหุ้นเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อนโยบายการลงทุนเปิดกว้างขึ้น ผู้ลงทุนอาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องของการลงทุนในระยะยาวจึงยังเป็นโจทย์หลักที่ท้าทายของทุกฝ่าย" นายวศินกล่าว
สำหรับขนาดของกองทุน LTF ทั้งอุตสาหกรรมในปัจจุบัน มีประมาณ 400,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การที่ไม่มีการต่ออายุโครงการออกไป คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกประมาณ 30,000 – 40,000 ล้านบาท และประเมินว่าจะมีเม็ดเงินจาก SSF เข้ามาทดแทนประมาณ 20,000 – 40,000 ล้านบาท
"ในส่วนของ บลจ.กสิกรไทย มีความพร้อมในการจัดตั้งกองทุน SSF ให้สอดรับกับโครงสร้างใหม่ที่เปิดกว้างด้านนโยบายการลงทุนให้สามารถลงทุนได้ในสินทรัพย์ทุกประเภททั้ง ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนผสม ซึ่งบริษัทจะพิจารณาจัดตั้งกองทุน SSF ให้เหมาะกับผู้ลงทุนรุ่นใหม่ หรือผู้ลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุน เพื่อให้มีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย และสามารถจัดพอร์ตเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม" นายวศินกล่าว
นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกองทุน SSF และ RMF ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่า ผู้ลงทุนรุ่นใหม่ยังให้ความสนใจกับการลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆ โดยจะเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน K-My Funds พร้อมเริ่มต้นลงทุนเพียง 1 บาท ในกองทุน K-SET50
ที่ลงทุนในหุ้นตามดัชนี SET50 ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมตลาดที่ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก
สำหรับผู้ลงทุนที่ถือกองทุน LTF อยู่ บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำให้ถือต่อไป โดยกองทุนจะยังคงได้รับการบริหารจัดการจากผู้จัดการกองทุนอย่างดีเช่นเดิม เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของตลาด ด้วยเช่นกัน