TRC โชว์กำไรพุ่งพรวด 88.72% ทะลุ 95 ลบ. ปีนี้ยังโดดเด่นกอด Backlog แล้ว 1.5 พันลบ.

ข่าวอสังหา Monday March 3, 2008 11:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น
TRC โชว์ผลงานปี 2550 สุดยอด มีกำไรสุทธิ 95.90 ลบ.เพิ่มขึ้น 88.72% จากปีก่อนที่ทำได้ 50.82 ลบ. "สมัย ลี้สกุล" ระบุเป็นผลจากธุรกิจของบริษัทฯ ยังเติบโตได้ดีขณะเดียวกันได้รวมผลการดำเนินงานของ สหการวิศวกร เข้ามาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/50 หนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างโดดเด่น ลั่นปีนี้ขอปั๊มรายได้โตทะลุ 2,000 ลบ.หลังจากกอด Backlog ในมือเกือบ 1,600ลบ. และในภาวะการเมืองเริ่มนิ่งมีลุ้นงานใหม่เพิ่มขึ้น แถมส่วนใหญ่มาร์จิ้นสูง ส่งซิกอาจได้เห็นผลงานปีนี้โตโดดเด่นไม่แพ้ปีที่ผ่านมา
นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เปิดเผยถึงผลประกอบประจำปี 2550 ว่า มีกำไรสุทธิ 95.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีกำไร 50.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 88.72% หลังจากในปี 2550 บริษัทสามารถทำรายได้ 1,607.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 870.19 ล้านบาท หรือ 118.09% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 736.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจของ TRC เติบโตอย่างชัดเจน ประกอบกับในไตรมาส 2 ของปี 2550 บริษัทฯ ได้แลกหุ้นของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท สหการวิศวกร ทำให้ สหการฯ กลายเป็นบริษัทย่อยของTRC และผลการดำเนินงานของสหการวิศวกร ได้ถูกนำมารวมในงบการเงินรวม เริ่มตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2550 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2550 เติบโตได้อย่างโดดเด่นยิ่งขึ้น
สำหรับทิศทางผลประกอบการของบริษัทในปี 2551 มีโอกาสเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก หลังจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลใหม่ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่เต็มที่ เนื่องจากในปี 2550 ที่ผ่านมา TRC และสหการวิศวกร สามารถประมูลงานใหม่ได้เพิ่มขึ้นโดย ณ สิ้นปี 2550 มีโครงการในมือรวม 14 โครงการ รวมรายได้ที่ยังไม่ได้รับรู้จำนวน 1,592 ล้านบาท (ตัดโครงการท่อน้ำประแสร์ที่เป็นโครงการร่วมระหว่างกันออก) โดย TRC มีโครงการในมือจำนวน 11 โครงการ มีรายได้ที่ยังไม่ได้รับรู้มูลค่า 1,348 ล้านบาท ซึ่งนับรวมโครงการปิโตรเคมีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการ 757 ล้านบาท ที่ได้มีการลงนามใน Letter of Intent แล้ว และอยู่ในระหว่างการรอลงนามในสัญญา สำหรับ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด มีโครงการในมือ รวม 4 โครงการ รายได้ที่ยังไม่รับรู้ 284 ล้านบาท
ประกอบกับ ธุรกิจหลักของบริษัทอยู่ในธุรกิจ Pipeline และ Process Plant ของอุตสาหกรรมพลังงาน และปิโตรเคมี ซึ่งมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้นตามความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรม ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันพุ่งขึ้น จึงทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตได้เป็นอย่างดี สวนทางกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจดังกล่าว
นอกจากนั้น ในปี 2551 บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้น จากการควบรวมกิจการกับ บริษัท สหการ วิศวกร จำกัด คือ หน่วยงาน Project Development and Investment ซึ่งโครงการที่อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้นั้น ขณะนี้มีความเป็นรูปธรรมเด่นชัดขึ้น ทั้งการพัฒนาโครงการด้านพลังงาน (เช่น โครงการเขื่อนพลังงานไฟฟ้าสตึงนำ ที่ประเทศกัมพูชา) ไฟฟ้า (เช่น โครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ลาดกระบัง) และอสังหาริมทรัพย์ (เช่น โครงการรอยัลราชดำริ) ซึ่งเป็นโครงการที่จะก่อให้เกิดรายได้ที่ต่อเนื่อง และยั่งยืน ให้กับ TRC ในระยะยาว และประการสำคัญธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 30- 40 ของรายได้จากธุรกิจปกติที่มีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณร้อยละ 15
ประกอบกับ TRC ยังมีนโยบายที่จะขยายงานออกสู่ต่างประเทศ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นงานในด้าน Pipeline, Fabrication และ Water Desalination ภายใต้ความร่วมมือกับ China National Petroleum Corporation หรือ CNPC ซึ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และงาน Turnkey Desalination ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด ซึ่งจะทำให้การสร้างรายได้กว้างขวางขึ้น ในขณะเดียวกัน เชื่อว่าหลังจากการเมืองมีความชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ จะทำให้มีงานจากภาครัฐเปิดประมูลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ TRC เช่นเดียวกัน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด มีโอกาสได้งานจากภาครัฐเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่วางไว้ในเบื้องต้นว่าจะได้รับงานเพิ่มเติมจากโครงการภาครัฐในปีนี้ ประมาณ 350 ล้านบาท
"เชื่อว่าในปี 2551 จะเห็น TRC มีการเติบโตอย่างมากจากการผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงาน Civil เพราะธุรกิจหลักของเรามีแนวโน้มเติบโตดีอยู่แล้ว และเมื่อการเมืองเริ่มมีความชัดเจน และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ลงตัว โครงการสาธารณูปโภคที่หยุดหรือชะลอการเปิดประมูลไปนานน่าจะเริ่มเปิดประมูลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของสหการวิศวกร เนื่องจาก สหการวิศวกรรับงานในภาครัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากโครงการรับเหมาก่อสร้างปกติ เปิดให้เข้าประมูลน้อยลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ บริษัทยังเตรียมแผนรองรับโดยการขยายธุรกิจไปสู่งานที่มีอัตรากำไรเบื้องต้นมากขึ้น อาทิเช่น งาน Property / Project Development ของหน่วยธุรกิจใหม่ และในส่วนงานรับเหมาก่อสร้างที่เน้นงานด้าน Engineering Procurement Construction ของงาน Oil/Gas และ Petrochemical Industry เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตได้ดี"
นายสมัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ ได้ประเมินในเบื้องต้นว่าจะมีรายได้ที่ระดับ 2,008 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าปี 2550 ร้อยละ 28% จากประมาณจากโครงการในมือที่ยกมาจากปีก่อน และคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,230 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากโครงการใหม่ และจากโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของส่วนงาน Project Development and Investment สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ระดับสูงกว่าอัตรามาตรฐานของบริษัทฯ เนื่องจากงานจากหน่วยธุรกิจใหม่ จะก่อให้เกิดอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึงร้อยละ 30 - 40 โดยโครงการที่คาดว่าจะสำเร็จในปีนี้ คือ โครงการราชเพลิน ที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มซีแลน และมณียา จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2550 อย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
ลฎาภา โรจน์ทนง 089-2057400 / 02-5549395

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ