กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--วิเคราะห์ข่าว สํานักงานประชาสัมพันธ์
นายชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวตามที่ กรมควบคุมโรคแจ้งเตือนสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ระบุขณะนี้พบผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยโรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากสถานพยาบาลทุกภาคส่วนในการติดตามและรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยมายังกรมควบคุมโรคว่า ที่ผ่านมา สนอ. ได้รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ รวมถึงผลิตสื่อสนับสนุนให้กับ 50 สำนักงานเขต สถานศึกษา และสถานพยาบาล เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายที่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ตลอดจนเป็นวิทยากรเสริมภูมิคุ้มกันให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 โรงเรียน และประชาสัมพันธ์การใช้แอปพลิเคชันไลน์เตือนภัยเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าไปยังกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลต่อไปยังประชาชน
นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวว่า สนพ. ได้เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยสั่งการให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด สนพ. เฝ้าระวัง ติดตามอาการ และผลการวินิจฉัย พร้อมรายงานผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องสงสัยโรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไปยังกรมควบคุมโรค อีกทั้งได้เปิดบริการ "สายด่วนกู้ใจ" โทร. 1646 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ดำเนินงานโดยศูนย์เอราวัณ ตอบปัญหา ให้คำปรึกษาข้อมูลสุขภาพ หากพบอาการผิดปกติในระบบทางเดินหายใจหรือเป็นผู้ มีความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าต้องการปรึกษาแพทย์ จะประสานไปยังศูนย์บริหารราชการฉับไว ใสสะอาด (BFC : Bangkok Fast & Clear) ของแต่ละโรงพยาบาลในสังกัด กทม. ตามที่ผู้ป่วยประสงค์จะนัดหมายพบแพทย์ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด สนพ. ให้บริการเชิงรุกโดยจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความเข้าใจถึงอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงอาการของโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนั้นยังได้จัดทำโปสเตอร์ให้ความรู้โรคปอดอักเสบตามจุดบริการต่าง ๆ ของโรงพยาบาล พร้อมเผยแพร่ข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนผ่านเว็บไซต์สำนักการแพทย์ และ Facebook Fanpage : สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ได้กระจายชุดข้อมูลสื่อไปยังโรงพยาบาลในสังกัด สนพ. เพื่อประชาสัมพันธ์ตามหน่วยบริการต่าง ๆ ของโรงพยาบาลต่อไป