“ตะวันออกกลางจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมการบินระดับสากล” กล่าวโดยซีอีโอ สายการบินเอทิฮัด

ข่าวทั่วไป Monday March 3, 2008 14:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
มร. เจมส์ โฮแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอทิฮัด ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า ตะวันออกกลางกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมการบินระดับสากล และสายการบินเอทิฮัดและกรุงอาบูดาบีก็จะอยู่หัวแถวของการเติบโตในครั้งนี้
มร. โฮแกนเป็นผู้บรรยายสำคัญภายในงานประชุม มิดเดิล อีสท์ เอวิเอชั่น เอาท์ลุค ซัมมิท จัดขึ้นเป็นเวลาสองวันที่กรุงอาบูดาบี
มร. โฮแกนได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ โรงแรมบีช โรทาน่า โดยมีตัวแทนอาวุโสจำนวน 300 คน จากหลายหน่วยงานในอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคนี้ รวมถึง สายการบิน ท่าอาศยาน รัฐบาล และบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน
ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มร. โฮแกน ได้พูดเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมการบินในตะวันออกกลาง รวมถึงความหลากหลายและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของภูมิภาคนี้
มร.โฮแกน กล่าวถึงโอกาสต่าง ๆ ของตะวันออกกลางที่มีต่อธุรกิจระดับโลกและการเดินทางมาเพื่อพักผ่อน รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวกับธุรกิจการบินโดยเฉพาะ
มร. โฮแกนกล่าวว่าตะวันออกกลางและอัฟริกาเหนือเป็นภูมิภาคที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดในด้านผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศ และการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในปี 2549 และการเติบโตดังกล่าวได้ถูกวางให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงเจ็ดเปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2554
ภูมิภาคนี้มีอัตราเติบโตสูงสุดในบรรดาภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกหากเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีมากกว่าถึงห้าเปอร์เซ็นต์
มร. โฮแกน อธิบายว่าการค้าและการท่องเที่ยวเป็นแรงผลักดันหลักสองอย่างในภูมิภาคนี้ แต่ปัจจุบันมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มขึ้นมากมาย รวมถึง การเติบโตของอุตสาหกรรมการบินที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
เขากล่าวต่อว่าการผ่อนปรนกฎระเบียบทางการค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะเป็นการเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่มีต่อการเติบโตทางด้านคมนาคม และองค์กรท้องถิ่นด้านการบินพลเรือนก็มีการตื่นตัวในเรื่องนี้อย่างมาก
ตะวันออกกลางเป็นที่ตั้งที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการบิน เพราะที่แห่งนี้เป็นที่ที่สมบูรณ์แบบระหว่างตะวันออกและตะวันตก ตามที่ มร.โฮแกน ได้กล่าวไว้ และมีอีกไม่กี่ที่ที่ดีกว่าที่จะสามารถเปิดตัวสายการบินระดับสากลแห่งใหม่ได้
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ มร. โฮแกนพูดถึงการลงทุนที่สำคัญ ซึ่งสร้างขึ้นโดยอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคนี้ รวมถึงเครื่องบินและโครงสร้างภายในท่าอาศยาน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอทิฮัด ได้กล่าวว่าสายการบินจากตะวันออกกลางได้ประกาศสั่งซื้อเครื่องบินในงานปารีส แอร์โชว์ 2007 คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 5 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์
อีกไม่กี่เดือนต่อมา สายการบินจากตะวันออกกลางก็ได้มีคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวนกว่า 140 ลำ ที่งานดูไบ แอร์โชว์ ซึ่งข้อตกลงคิดเป็นเงินมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านเหรียญดอลลาร์
มร. โฮแกน กล่าวต่อว่าท่าอาศยานสิบแห่งทั่วทั้งตะวันออกกลาง ได้ลงทุน 3 หมื่น 7 พันล้านเหรียญดอลลาร์ ไปกับท่าอากาศยานแห่งใหม่ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้นถึง 318 ล้านคนต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2555
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของตะวันออกกลาง มีอัตราเติบโตขึ้นปีต่อปี อยู่ระหว่างห้าถึงหกเปอร์เซ็นต์ โดย มร. โฮแกนได้กล่าวว่าสิ่งนี้เองจะทำให้ตะวันออกกลางมีขุมพลังทางเศรษฐกิจที่คล้ายคลึงกับอินเดียและจีน
นอกจากนี้ มร.โฮแกน ยังได้พูดถึงความหลากหลายของเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขากล่าวว่าเพียงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แค่ประเทศเดียว เฉพาะน้ำมันและก๊าซ มี GDP รวมถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2518 และในปี 2548 GDP ลดลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขนี้เองได้ส่งผลไปทั่วภูมิภาคนี้ทั้งหมด เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทำให้เศรษฐกิจมีความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง
ความหลากหลายที่อยู่ในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ บริการด้านการเงิน และระบบขนส่ง ส่งผลต่อการเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมการบินและคมนาคม ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
มร. โฮแกนกล่าวว่าสิ่งที่เขามองไม่ได้เจาะจงแค่ระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่มันหมายถึงทั้งโลก และปัจจุบันตะวันออกกลางกำลังแข่งขันระดับโลก ภูมิภาคนี้ยังต้องการความมั่นใจว่าจะสามารถรองรับอัตราการเติบโตที่จะเกิดขึ้นได้
มร. โฮแกนย้ำว่าตะวันออกกลางต้องแสดงให้เห็นว่ายอมรับและใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมทั่วโลกในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการด้านการบิน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงมีความสามารถในการดึงดูดจำนวนผู้มาเยือนที่มีจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี โดยมี GDP ทางด้านการเดินทางและท่องเที่ยว นับเป็นจำนวน 12.1 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2549 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา และความต้องการโดยรวมได้รับการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเติบโตขึ้นห้าเปอร์เซ็นต์ ปีต่อปี ตั้งแต่ปี 2550 ถึง 2559
มร. โฮแกน กล่าวถึงการเติบโตของกรุงอาบูดาบีในฐานะที่เป็นเมืองหลวงระดับสากล ล่าสุด เขากล่าวว่าการเติบโตของกรุงอาบูดาบีมีส่วนแบ่งทางการตลาด 2.3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยวไปทั่วโลก โดยมีจำนวนผู้มาเยือนประมาณหนึ่งล้านคนต่อปี แต่เนื่องจากการวางเป้าไว้สูงและสมเหตุสมผลที่จะเพิ่มจำนวนผู้มาเยือนให้มีจำนวนมากกว่าสามล้านคนต่อปี ภายในปี 2558
เขากล่าวว่าเอมิเรตส์มีการคมนาคมภายในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง มีฮับหลายที่ และการพัฒนาของจุดหมายปลายทางที่สามารถแข่งขันในตลาดการเดินทางเพื่อพักผ่อนระดับโลก สิ่งนี้เองจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโต ซี่งมีเพียงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เดียวที่ได้รับการคาดการณ์ให้โตขึ้นห้าเปอร์เซ็นต์ ปีต่อปี ภายในปี 2559
การพัฒนาของกรุงอาบูดาบีในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการท่องเที่ยวหลักจะมีอัตราเพิ่มขึ้นโดยมีจุดน่าสนใจอยู่อันดับต้นๆ รวมถึง ฟอร์มูล่า วัน กรังปรีซ์ บนเกาะยาส, พิพิธภัณฑ์กุ๊กเก้นแฮม, สวนสนุกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีอยู่นอกประเทศฝรั่งเศส
มร. โฮแกน กล่าวเสริมว่า ภูมิภาคแห่งนี้มีอนาคตที่สดใส และตะวันออกกลางเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบระหว่างตะวันออกและตะวันตก ครอบคลุมถึงเครื่องบินที่ทันสมัยและมีโอกาสทางธุรกิจและการเดินทางเพื่อพักผ่อนที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ด้วยจำนวนคำสั่งซื้อเครื่องบินที่เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลกเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการพัฒนาของตะวันออกกลางให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินระดับสากล ซึ่งพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นแล้ว ณ ขณะนี้
มร. โฮแกน อธิบายต่อถึงแผนการเติบโตของเอทิฮัด ณ ศูนย์กลางการบิน แห่งกรุงอาบูดาบี โดยเริ่มจากที่ท่าอาศยานเมืองอาบูดาบี ซึ่งกำลังสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่สองอาคาร โดยหนึ่งอาคารจะเป็นอาคารเฉพาะสำหรับสายการบินเอทิฮัด ซึ่งวางแผนว่าจะเปิดปลายปีนี้ แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่าสูงถึง 6.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่มีจำนวนมากขึ้นเป็นสามเท่า หรือประมาณ 20 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2554

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ