กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ภาวะฝนแล้ง ปี 2562 ณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลหนองฉาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ว่า จากการที่ได้เกิดภาวะฝนแล้ง ทำให้เกิดความเสียหายแก่พืชผลการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดอุทัยธานีมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายรวม 8 อำเภอ มีเกษตรกรประสบภัย จำนวน 10,377 ราย จำนวน 151,228 ไร่ วงเงินช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น 169,444,764.75 บาท ซึ่งได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร โดยโอนผ่าน ธ.ก.ส. ตรงไปยังบัญชีของเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ และได้เร่งดำเนินการโอนเงินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพต่อไป
สำหรับภัยพิบัติดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ทุกคนจะต้องสร้างความตระหนักร่วมกัน เพราะหากเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดความเสียหายค่อนข้างรุนแรงและส่งผลกระทบวงกว้าง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีแนวทางแก้ไขบรรเทาความเสียหาย ได้แก่ 1) มาตรการเร่งด่วน โดยรัฐบาลมีแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้หรือลดรายจ่ายในครัวเรือนให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้ประสบภัย โดยจังหวัดอุทัยธานีมีแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ปี 2562 จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว) ซึ่งจังหวัดอุทัยธานีมีเกษตรกรผู้ประสบภัยเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,541 ราย โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี 2563/64 จังหวัดอุทัยธานีมีเกษตรกรผู้ประสบภัยเข้าร่วมโครงการ จำนวน 4,596 ราย และโครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน จังหวัดอุทัยธานีมีเกษตรกรผู้ประสบภัยเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,656 ราย 2) การส่งเสริมให้เกษตรกรมีการวางแผนการผลิตและการปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ 3) การนำเทคโนโลยีน้ำหยดมาใช้ในการผลิต ช่วยลดต้นทุนในการใช้น้ำ 4) การส่งเสริมให้เกษตรกรขุดสระเก็บกักน้ำไว้ใช้ เพื่อบรรเทาการขาดแคลนน้ำ และ 5) การปรับปรุงบำรุงดินให้สามารถเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ได้นาน
"กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตระหนักและได้ให้ความสำคัญต่อพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประคับประคองให้พี่น้องเกษตรกรสามารถลุกขึ้นมายืนได้ด้วยลำแข้งอีกครั้ง ด้วยการพิจารณาอนุมัติเงินทดรองราชการในอำนาจปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรทุกท่าน ซึ่งแม้ว่าเงินที่ช่วยเหลือในครั้งนี้จะไม่มากเท่ากับมูลค่าของความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรก็ตาม แต่ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนที่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุน ประกอบอาชีพทางการเกษตรในโอกาสต่อไป" นางสาวมนัญญา กล่าว
ด้าน นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกพืชที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ หากมีพื้นที่ทำการเพาะปลูกเสียหายโดยสิ้นเชิง และเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน เกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับความช่วยเหลือ ตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เสียหายจริง รายละไม่เกิน 30 ไร่ ได้แก่ ข้าว อัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่น ๆ อัตรา ไร่ละ 1,690 บาท ทั้งนี้ เมื่อเกิดภัยพิบัติและผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตพื้นที่การให้ความช่วยเหลือฯ เกษตรกรต้องยื่นแบบความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) โดยให้ผู้นำท้องถิ่นรับรอง ก่อนที่จะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกร และพื้นที่เสียหายจริง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป