กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--เอเอธ (ประเทศไทย)
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่าตัวเลขอุตสาหกรรมอาหารไทยปี 2561 มีมูลค่าการส่งออกสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และกำลังถูกยกระดับด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงในทุกแพลตฟอร์มของชีวิตปัจจุบัน แม้จะเป็นปัจจัยสี่ที่ผู้บริโภคต้องการ แต่ผู้ประกอบการอาหารก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ซึ่งมีพันธกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ โดยเฉพาะการสนับสนุนสตาร์ทอัพ ที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อย่าง EATLAB ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านอาหารที่ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าด้วยสมองกลอัจฉริยะ เพื่อให้ผู้ประกอบการด้านอาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงบริษัทห้างร้านขนาดใหญ่ สามารถเข้าใจผู้บริโภคได้ในเชิงลึก เพิ่มยอดขายสินค้า และสามารถขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นได้ด้วย
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า ดีป้า ได้เซ็นต์สัญญามอบทุน ให้กับ EATLAB ในโครงการ Digital Startup Fund ระยะการก่อตั้งธุรกิจ (S2) ด้านเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (AgTech) เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ส่งเสริมผู้ผลิตอาหารไทยให้กลายเป็นผู้นำ และให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทาง ดีป้า ได้ดำเนินการและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ผ่านการให้ทุนสนับสนุนในโครงการ depa Digital Startup Fund ให้กับ Digital Startup มาหลายรุ่น เพื่อช่วยส่งเสริมและผลักดันในการพัฒนาคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยี โดยมีการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญ แบ่งเป็น 6 ด้าน คือ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) , เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (HealthTech) , เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและอาหาร (AgTech) , เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว (TravelTech) , เทคโนโลยีเพื่อการบริการภาครัฐ (GovTech) และ เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech)
ดร.ชนิกานต์ ว่องวิริยะวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EATLAB เปิดเผยว่า "EATLAB" คือการให้บริการ data analytics ให้กับร้านอาหาร เพื่อช่วยจัดการข้อมูลจำนวนมากที่เข้ามาตลอดเวลา ด้วยแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และเทคโนโลยี Blockchain รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก หรือ บิ๊กดาต้า ซึ่ง EATLAB มีฐานข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่มากที่สุดในประเทศไทย และมีซอฟต์แวร์ AI ที่เป็นลิขสิทธิ์ของเรา ซึ่งจะทำให้บริษัทอุตสาหกรรม อาหาร เครื่องดื่ม และร้านอาหาร สามารถเข้าใจผู้บริโภคได้ในเชิงลึก ผ่านข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์ดังกล่าว ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยที่จะส่งมอบข้อมูลจำเพาะให้กับผู้ประกอบการในการพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง
"EATLAB คือการให้บริการ data analytics ให้กับร้านอาหาร เพื่อช่วยจัดการข้อมูลจำนวนมากที่เข้ามาตลอดเวลา เพราะข้อมูลเหล่านี้เอามาใช้ประโยชน์ได้มากมาย และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรมเชิงลึกของผู้บริโภคนั้น มีความแม่นยำสูงกว่า 70% เมื่อเทียบกับรูปแบบมาตรฐานที่มีความแม่นยำ 20-40% เท่านั้น โดยที่ทาง EATLAB ดำเนินการอยู่ประกอบไปด้วย อย่างแรกคือการให้ AI ช่วยคิดเมนูใหม่ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเดิมซื้อเยอะขึ้น ในราคาที่แพงขึ้น โดยเรามี Proof of Concept ออกมาแล้วว่าสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ต่อเดือน 30-40% อย่างที่สองคือเราช่วยในการตั้งราคา โดยดูเรื่องของกำลังซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ให้เหมาะสมกับตัวผลิตภัณฑ์ของร้านนั้นๆ อย่างที่สามเรานำ AI มาใช้กล้องวิดีโอ ทำหน้าที่แทนผู้จัดการร้าน คอยดูพฤติกรรมพนักงานร้านในการบริการลูกค้า ระยะเวลาในการรออาหารของลูกค้าในแต่ละ Shif เป็นยังไง เพื่อให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้จัดการร้านเพื่อพัฒนาเรื่องการบริการ และอย่างที่สี่คือเรื่องการจัดโปรโมชั่น เนื่องจากช่วงที่มีการแข่งขันมากๆ โปรโมชั่นก็มีความสำคัญ ที่จะวิเคราะห์ว่าแบบไหนที่จะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า" ดร.ชนิกานต์ กล่าว
ดร.ชนิกานต์ กล่าวว่า ปัจจุบัน EATLAB เปิดให้บริการมาเกือบ 2 ปี โดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งบริษัทเอกชนรายใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และผู้ประกอบการร้านอาหาร ตลอดจนเอสเอ็มอีที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งเมื่อได้รับทุนสนับสนุนในโครงการ depa Digital Startup Fund ระยะการก่อตั้งธุรกิจ (S2) เราจะนำไปขยายผลในการพัฒนาระบบ Platform EATLAB เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ ประเทศไทยมีฐานวัตถุดิบที่หลากหลาย จึงเชื่อมั่นว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมไทยจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงและช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมอาหารไทย นำไปสู่เป้าหมายการเป็นครัวของโลกได้ในอนาคต