กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--กรมอุทยาน
นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า -หมู่เกาะเสม็ด กล่าวว่า เกาะเสม็ดถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี โดยปี 2562 มีนักท่องเที่ยวกว่า 1.6 ล้านคน รายได้ประมาณ 247 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้วกว่า 4 แสนคน โดยหาดทรายแก้วได้รับความนิยมมากสุดจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ยุโรป และคนไทย ด้วยความที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากความปลอดภัยบนเกาะเสม็ดก็ยิ่งสูงขึ้น โดยทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์รอบเกาะทั้งหมด 120 ตัว และมีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ประจำตามหาดสำคัญต่างๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ถึงแม้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้เกิดความปลอดภัยได้มากขึ้น
นอกจากนี้ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด ยังร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลเพ เรื่องน้ำเสียและขยะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ด้วยในการบำบัดน้ำเสียบนเกาะ ซึ่งมีอยู่ 2 บ่อ โดยการใช้สารอินทรีย์ใส่ในบ่อบำบัด ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล และ ในอนาคตกำลังยื่นเรื่องขอก่อสร้างอีก 6 บ่อ เพื่อให้ทันท่วงทีในการบำบัดน้ำเสีย คู่ขนานไปกับการจัดเก็บขยะที่มีอยู่จำนวน 5-6 หมื่นตัน ก่อนนำขยะมาคัดแยกแล้วฝังกลบไปแล้วบางส่วน บางส่วนขนย้ายไปที่โรงบำบัดขยะบนชายฝั่ง เพื่อแก้ปัญหาขยะที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 ปี ปัญหาขยะตกค้างบนเกาะคงหมดไป อีกทั้งทางอุทยานฯ ยังร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้า โรงแรม รีสอร์ทต่างๆ ให้ช่วยกันรณรงค์ โดยการงดบริการถุงพลาสติกให้กับลูกค้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน โดยทางอุทยานฯ มีการริเริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ประชาชนที่พักอยู่บนเกาะเป็นอย่างดี
ขณะที่การบุกรุกที่ดินบนเกาะเสม็ด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า -หมู่เกาะเสม็ด ยืนยันว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการกับผู้ประกอบการรีสอร์ท 30 ราย ที่มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ บนแปลงเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ จนทำให้ในปัจจุบันผู้ประกอบการกระทำผิดน้อยลง เพราะทางอุทยานฯ ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบบนเกาะเสม็ด จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้ากระทำผิดกฎหมาย นายประยูรกล่าวปิดท้าย