กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยแกว่งตัวแคบ แม้สงครามการค้าสหรัฐ-จีน สามารถบรรลุข้อตกลงในเฟสแรกได้ก็ตาม แต่เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศกลับส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น จึงให้กรอบดัชนี 1,555-1,585 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Global Play ชู IVL- TU- KCE- PTTEP –PTTGC ส่วนกลยุทธลงทุนทองคำแนะนำลงซื้อขึ้นขายในกรอบ 1,460-1,485 ดอลลาร์
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยสหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก และสหรัฐได้ระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค. ส่วนจีนซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น และรัฐบาลจีนประกาศเลื่อนแผนการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และสินค้าบางรายการของสหรัฐ
รวมทั้งการที่จีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 6.2% ในเดือนพ.ย. แข็งแกร่งกว่าที่คาดและสูงกว่าเดือนก่อนหน้า ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 8% สูงกว่าคาด การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 10.2% ในช่วง 11 เดือนแรก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วง 11 เดือนแรกขยายตัว 5.2% สอดคล้องคาดการณ์ จึงคาดการณ์ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,585 จุด
อย่างไรก็ตาม นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยที่ยังคงให้ความสำคัญ คือ ปัจจัยการเมืองในประเทศขาดเสถียรภาพ เดือนหน้าอาจจะยังมีแฟลชม็อบ "ธนาธร" ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ รวมทั้งสหรัฐเล็งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ในอัตราสูงถึง 100% ตอบโต้กรณีพิพาทเงินอุดหนุนแอร์บัส และแนะนำจับตาการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 8/2562 ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ และมีกำหนดการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และในวันเดียวกันทาง อียู จะมีการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับสหรัฐ เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
และในวันที่ 19 ธ.ค. ทางสหรัฐ จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2562 รวมทั้งดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. ส่วนวันที่ 20 ธ.ค. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. GDP ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน LTF เช่น AOT, CPALL, PTT, ADVANC, BBL, GPSC, AWC, BH, CPNREIT และ SF รวมทั้งหุ้นเด่นเดือน ธ.ค. ที่คาดงบ Q4 สดใส เช่น TACC, TNP และ JUBILE และหุ้น Global Play เช่น IVL, TU, KCE, PTTEP และ PTTGC
ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,458-1,486 ดอลลาร์ โดยสามารถสร้างฐานได้แม้ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้เป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ธันวาคม ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ อีกทั้งผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเริ่มมีสัญญาณของเงินไหลเข้าอีกครั้งหลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10-11 ธันวาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ SPDR เริ่มชะลอสถานะการขายทองคำ คำแนะนำ คาดว่าราคาทองคำสร้างฐานเหนือ 1,460 ดอลลาร์ ได้ โดยให้ใช้กลยุทธ์ลงซื้อขึ้นขายในกรอบ 1,460-1,485 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 20,890-21,280 บาทต่อบาททองคำ