กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--วิเคราะห์ข่าว สํานักงานประชาสัมพันธ์
นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กล่าวกรณีนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตั้งข้อสังเกตในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสถานีตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็กของกรมควบคุมมลพิษ และ กทม. รวมกัน 46 สถานี ซึ่งยังไม่ครอบคลุมทั้ง 50 เขต ทำให้การรายงานปริมาณฝุ่นจากแอปพลิเคชัน Air4Thai ไม่สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทั่วถึงว่า ปัจจุบัน กทม. อยู่ระหว่างจัดหาเครื่องตรวจวัด PM2.5 เพิ่มเติม จำนวน 30 เครื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 50 เขต คาดภายในเดือน ธ.ค. 2562 จะติดตั้งแล้วเสร็จ 13 เครื่อง และอีก 17 เครื่อง จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ. 2563 ซึ่งจะสามารถรายงานและแจ้งเตือนสถานการณ์คุณภาพอากาศให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนำการป้องกันตนเองจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศของ กทม. แบบเรียลไทม์ได้ที่ www.bangkokairquality.com www.air4bangkok.com Facebook : กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และแอปพลิเคชัน "กทม. Connect"
ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น กทม. ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยกำชับให้สำนักงานเขตบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในสถานการณ์วิกฤตฝุ่นละออง เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษในพื้นที่ ได้แก่ การตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รวมถึงประสานสถานีตำรวจในพื้นที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร รณรงค์ "ไม่ขับ...ช่วยดับเครื่อง" และบำรุงรักษาเครื่องยนต์รถราชการในสังกัดไม่ให้ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินโครงการถนนอากาศสะอาด โดยวางแนวทางให้สำนักงานเขตควบคุมและลดผลกระทบจากฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำหนดจัดสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ประกอบการอาคารสูงและผู้เกี่ยวข้องในเดือน ม.ค. 2563 เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกทางหนึ่ง