กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
- NEA มีเป้าหมายที่จะพัฒนาการให้บริการประชาชน การให้ความรู้ และการพัฒนาผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้ Big Data Analytics อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การพัฒนาภารกิจหลักของสถาบันได้อย่างชัดเจน
- ปี 2563 NEA เน้นพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ และ บิ๊กดาต้า วิเคราะห์ความต้องการเฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคในตลาดจีน จากสินค้าหลาย Sectors ได้อย่างชัดเจน อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าสุขภาพและความงาม และต่อยอดสินค้าของฝากท่องเที่ยวเพื่อการส่งออก
สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยปี 2563 NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมลุยยกเครื่องเรื่องการค้าด้วย AI โดยเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ด้วยเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์ ที่วิเคราะห์ความต้องการเฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคในตลาดจีน จากสินค้าหลาย Sectors อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าสุขภาพและความงาม และต่อยอดสินค้าของฝากท่องเที่ยวเพื่อการส่งออก ซึ่งระบบ AI จะเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน ความนิยม วัฒนธรรม เพื่อวิเคราะห์สินค้าที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดจีน
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) เผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ได้นำร่องใช้ประโยชน์ของ Big Data มาวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของสถาบันในช่วงปี 2561-2562 อาทิ ผลการรวบรวมสถิติ 5 อันดับตลาดส่งออกของผู้ประกอบการ NEA ที่ให้ความสนใจ ได้แก่ จีน เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว และกัมพูชา สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความต้องการศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่จะพัฒนาสินค้าและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเหล่านี้ และได้นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ของสถาบัน โดยพุ่งเป้าตลาดส่งออกที่มีศักยภาพไปยังประเทศจีน และกลุ่ม CLMV เป็นอันดับต้นๆ
โดยในปี 2563 จะเริ่มต้นพัฒนาระบบเทคโนโลยี AI และ Big Data Analytics นำมาวิเคราะห์ความต้องการในแบบเฉพาะเจาะจง ไปยังผู้บริโภคในตลาดต่างๆ โดยจะนำร่องไปที่ภูมิภาค CLMV จีน ในทุกประเภทสินค้า อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าของฝากท่องเที่ยวเพื่อการส่งออก ฯลฯ ซึ่งระบบเก็บรวบรวมสถิติและประมวลข้อมูล Transactions ต่างๆ บนเว็บไซต์ e-Commerce ชั้นนำในภูมิภาค CLMV และจีน เพื่อนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ความนิยม วัฒนธรรม มาวิเคราะห์สินค้าที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาดอย่างแท้จริง โดยระบบดังกล่าวจะวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ควบคู่ไปกับกระบวนการ Design Thinkingเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการออกแบบและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นสินค้าและบริการตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคใน CLMV และจีน
"ในปี 2020 นวัตกรรมทางการตลาดและธุรกิจใหม่ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีเพื่อประยุกต์ใช้กับธุรกิจของประเทศไทยยังไปได้ไกลอีกมาก เพราะความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีมากขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีความรู้ความเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมากขึ้น เพียงแต่ต้องเพิ่มโมเดลทางธุรกิจที่เข้าใจ และ "โดน" ใจผู้บริโภค เพราะยุคนี้ ผู้ที่จะชนะในตลาดการแข่งขันทางการค้าที่มีการแข่งขันรุนแรง ไม่ใช่เพียงแค่การเข้าถึงข้อมูล หรือให้บริการทั่วไป แต่เป็นการเอาชนะใจลูกค้า ด้วยการนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์เพื่อเข้าใจ และเสนอบริการได้เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด" "นันทพงษ์ กล่าวสรุป
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ได้ที่ nea.ditp.go.th หรือ www.ditp.go.thหรือ www.facebook.com/nea.ditp หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ 1169