กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังพบปะเกษตรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด และมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนทางการเกษตร ณ สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด (สาขาคุยม่วง) ต.คุยม่วง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ว่า สหกรณ์ดังกล่าว เป็นสหกรณ์หลักระดับอำเภอ 1 ใน 9 สหกรณ์ของจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่ามีความเข้มแข็ง มีความพร้อมในการให้บริการสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการรวบรวมผลผลิต มีระบบบัญชีซึ่งเป็นเครื่องมือในการควบคุมภายในอย่างหนึ่ง โดยใช้โปรแกรมของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในการบันทึกบัญชี ทำให้สหกรณ์สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการได้ ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 2,467 คน และมีกลุ่มสมาชิก 41 กลุ่ม
สำหรับการดำเนินงานตามนโยบายของสหกรณ์นี้ มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีการดำเนินโครงการต่าง ๆ คือ 1) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวหลังฤดูทำนา ประจำปี 2562/63 ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 141 ราย เนื้อที่ 2,555 ไร่ 2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวเพื่อสุขภาพ พันธุ์ กข.43 ปีการผลิต 2561/62 โดยมีการร่วมมือกับภาคเอกชน ที่รับซื้อในราคาประกัน ตันละ 12,5000 บาท ความชื้น 15% มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 202 ราย เนื้อที่ 3,802 ไร่ ผลผลิตจำนวน2,286 ตัน เป็นเงิน 22,425,108 บาท ซึ่งสมาชิกขายได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด 2,500 – 3,000 บาท/ตัน และปัจจุบันสหกรณ์ฯ ได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องในปีการผลิต 2562/63 มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 368 ราย เนื้อที่6,720 ไร่ 3) สหกรณ์รวบรวมรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกและเกษตรกร จำนวน 31,599 ตัน
"ตามที่นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา) อยากให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง โดยที่สามารถขายผลผลิตได้เอง และมีตลาดที่แน่นอน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยและผักปลอดสารพิษ นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนโรงอบแบบครบวงจรเพื่อให้สหกรณ์ได้ใช้ในการอบแห้งและส่งให้กับผู้ขายได้เลย อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ มุ่งหวังให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหกรณ์จะช่วยให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถมีอำนาจในการต่อรองผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังทำให้สมาชิกมีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นางสาวมนัญญา กล่าว