กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักในการพลิกโฉมธุรกิจของทุกอุตสาหกรรม จุดหลักที่เป็นสิ่งท้าทายของธุรกิจคือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากอิทธิพลของสมาร์ทโฟน ที่ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจำนวนมหาศาลนี้ให้ได้ แบรนด์ระดับโลกที่มีรากฐานองค์กรขนาดใหญ่ จึงพบความท้าทายในหลายด้านในการขับเคลื่อนธุรกิจให้หมุนทันยุคดิจิทัลนี้ได้
สำหรับธุรกิจความงาม ปัจจุบันนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคมากที่สุดประเภทหนึ่งบนช่องทางออนไลน์ และโลกความงามและดิจิทัลก็เริ่มผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และเป็นปัจจัยเร่งสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโตและสร้างเทคโนโลยีด้านข้อมูลใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ใช้งานและเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคมากขึ้น
ลอรีอัล กรุ๊ป หนึ่งในผู้นำธุรกิจความงามระดับโลก ก็ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับโลกความงาม อาทิเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองสีผลิตภัณฑ์เมคอัพผ่านมือถือก่อนสั่งซื้อสินค้า หรือเทคโนโลยีวัดระดับสีผิวที่ช่วยแนะนำสีรองพื้นที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือระหว่างลอรีอัลกับ LAZADA ในประเทศไทย ในการจัดตั้ง Online Acne Community แห่งแรก สำหรับคนอยากไกลสิว ชูการให้คำแนะนำที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือจากแพทย์ผิวหนังชั้นนำโดยตรงผ่านโลกออนไลน์ด้วยการ Live ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันมักใช้ชีวิตอยู่กับสมาร์ทโฟนและต้องการแสวงหาข้อมูลง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว
"ลอรีอัล กรุ๊ป เปิดรับการเข้ามาของดิจิทัล และเชื่อว่าจะช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้และเข้ามาเสริมศักยภาพในการให้บริการและเข้าถึงผู้บริโภค การก้าวเข้ามาของดิจิทัลเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทุกกลุ่มอุตสาหกรรมไม่เว้นแม้แต่ความงาม ลอรีอัล จึงทำการพลิกโฉมธุรกิจความงามที่เราได้ดำเนินงานมากว่า 100 ปี มุ่งเป็นผู้นำด้าน Beauty Tech เพื่อก้าวทันความเปลี่ยนแปลง" นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมความงาม การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลถือเป็นปัจจัยบวก และเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มการเติบโตให้แก่ตลาด อย่างไรก็ตามฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจก็คือพนักงาน เมื่อดิจิทัลกลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ พนักงานทุกๆ คนก็ควรได้รับการปลูกฝังแนวคิดและวิธีการทำงานในยุคดิจิทัล ซึ่ง ลอรีอัล กรุ๊ป มีบุคลากรด้านดิจิทัลกว่า 2,500 คน ที่ได้รับการเตรียมพร้อมและเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลควบคู่ไปกับพนักงานปัจจุบันกว่า 27,000 คน และลอรีอัลยังเปิดรับการเข้ามาของคนรุ่นใหม่ ที่องค์กรเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ทั้งยังสนับสนุนการร่วมงานกับพันธมิตรสตาร์ทอัพต่างๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ
ใน 5 ปีที่ผ่านมา ลอรีอัล กรุ๊ปได้เร่งการดำเนินงานเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงโดยมีแนวทาง 4 ประการ ได้แก่ ปรับธุรกิจให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อให้ธุรกิจสามารถประสบความสำเร็จได้ การดำรงไว้ซึ่งความถนัดขององค์กร ไม่ลงต่อสู้ในสนามการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่ถนัด มุ่งมั่นในการทำงานเพื่อก้าวให้ทันต่อกระแสและการเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และทำงานอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทั้งองค์กร
เทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของลอรีอัล กรุ๊ป ทั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่เติบโตถึง 41% เป็นสัดส่วนกว่า 11% ของยอดขายบริษัทฯ พร้อมทั้งยอดคนดูในวิดีโอทุกช่องทางของลอรีอัลกว่า 6.3 พันล้านครั้ง ไปจนถึงทำงานร่วมกับ Influencers ในโลกดิจิทัลกว่า 80,000 คนทั่วโลก นอกจากนั้นแล้ว ลอรีอัล ยังได้ทุ่มทรัพยากรณ์ในหน่วยงานด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ อี-คอมเมิร์ซ การให้บริการด้านดิจิทัล เนื้อหาทางดิจิทัล และ การบริหารจัดการข้อมูล
"การพลิกโฉมธุรกิจด้วยดิจิทัล นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องที่องค์กรควรจะนำมาปรับใช้ หรือเป็นแค่เรื่องของการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรดูทันสมัย แต่การพลิกโฉมธุรกิจด้วยดิจิทัลคือ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่รอดในการแข่งขันได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จ ลอรีอัลยึดมั่นในสิ่งที่เราเริ่มต้นทำมาโดยตลอด และเราจะยังคงมุ่งมั่นในการส่งมอบความงามให้แก่ทุกคนตามเป้าหมายผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดย ลอรีอัลจะเดินหน้าการดำเนินงาน Beauty Tech อย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ความงามที่ตอบรับทุกความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล" นางอินเนส กล่าวเสริม