กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--สหมงคล ฟิล์ม
ผลงานล่าสุดจากผู้กำกับ “Crash” ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ปี 2004
และการรวมตัวครั้งสำคัญของ 3 นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์
ทอมมี่ ลี โจนส์ / ชาร์ลิซ เธอรอน / ซูซาน ซาแรนดอน
สัญชาติ อเมริกัน
ประเภท ดราม่า / ระทึกขวัญ
อำนวยการสร้าง สตีฟ แซมมวล (Michael Clayton, Running with Scissors)
แพทริค วอชเบอร์เกอร์ (Vanilla Sky, Mr. & Mrs. Smith)
กำกับ / เขียนบท พอล แฮคกิส (Crash)
นำแสดง ทอมมี่ ลี โจนส์ (JFK, The Fugitive, U.S. Marshall, Space Cowboys, The Client)
ชาร์ลิซ เธอรอน (Monster, North Country, The Legend of Beggar Vance)
ซูซาน ซาแรนดอน (Dead Man Walking, Alfie, Anywhere But Here, Igby Goes Down)
กำหนดฉาย 20 มีนาคม 2008
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
Official Site http://wip.warnerbros.com/inthevalleyofelah/
เรื่องย่อ
ในสัปดาห์แรกที่กลับมาจากสงครามอิรัก พลทหาร ไมค์ เดียร์ฟีลด์ (โจนาธาน ทักเกอร์) ได้หายตัวไปอย่างลึกลับและถูกรายงานว่าละทิ้งหน้าที่ ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้าย แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ (ทอมมี่ ลี โจนส์) อดีตทหารผ่านศึกผู้เป็นพ่อ และ โจน เดียร์ฟีลด์ผู้เป็นแม่ (ซูซาน ซาแรนดอน) ก็ออกตามหาลูกชายทันที โดยมี เอมิลี่ แซนเดอร์ (ชาร์ลิซ เธอรอน) นักสืบผู้รับผิดชอบเขตที่ไมค์หายตัวไปคอยช่วยเหลือ แซนเดอร์ลังเลที่จะสืบคดีนี้ในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานค่อยๆปรากฏขึ้น เธอก็เริ่มรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลในคดีนี้ ไม่นานแซนเดอร์ก็พบว่าตัวเองต้องงัดข้อกับทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเข้าไปควบคุมการสืบสวนร่วมกับแฮงค์ แต่แล้วเมื่อความจริงเกี่ยวกับไมค์ในอิรักเปิดเผย ชีวิตทั้งชีวิตของพ่ออย่างแฮงค์ก็ถึงกับสั่นสะเทือน และเขาต้องใคร่ครวญความเชื่อที่ยึดมั่นมาทั้งชีวิตใหม่เพื่อไขปริศนาการหายตัวไปของลูกชาย
In The Valley of Elah คือภาพยนตร์ดราม่าปลุกจิตสำนึกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง กำกับการแสดงและเขียนบทโดยผู้กำกับคุณภาพ พอล แฮคกิส นำแสดงโดยนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ทอมมี่ ลี โจนส์ (The Fugitive, Men In Black), ชาร์ลิซ เธฮรอน (North Country, Monster) และซูซาน ซาแรนดอน (Dead Man Walking, Alfie) ร่วมด้วย เจสัน แพทริก (Narc, Your Friends and Neighbours), เจมส์ ฟรานโก (Flyboys, Spider-Man 2), จอช โบรลิน (Melinda and Melinda, Into the Blue), ฟรานเซส ฟิชเชอร์ (House of Sand and Fog, Titanic), โจนาธาน ทักเกอร์ (The Deep End, The Virgin Suicide), เมห์แคด บรูกส์ (Glory Road, Desperate Housewives) และนักแสดงหน้าใหม่ เวส แชทแฮม, เจค แม็คลัฟลิน และวิเคเตอร์ วูล์ฟ
พอล แฮคกิส กำกับเรื่องนี้จากบทภาพยนตร์ดั้งเดิมที่อิงมาจากเรื่องราวโดย มาร์ค โบล นี่คือผลงานล่าสุดของแฮคกิสหลังจาก Crash ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปเมื่อปี 2004 และเป็นผลงานการเขียนบทอีกครั้งของเขา หลังจากโชว์ฝีมือในหนังคุณภาพมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Million Dollar Baby ที่เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย, Casino Royale และ Letters From Iwo Jima ที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมเช่นกัน
ก่อร่างสร้างหนัง
หลังจากประสบความสำเร็จล้นหลามจาก Crash ผู้กำกับ/มือเขียนบท พอล แฮคกิส ก็มีงานเข้ามาให้เลือกไม่ขาด แต่เขาก็ยังอยากทำอะไรที่ท้าทายอยู่ดี ในการประชุมกับตัวแทน แฮคกิสบอกว่า “ผมบอกพวกเขาว่า ผมไม่ทำหรอกนะ หนังที่คุณคาดหวังจะให้ผมทำน่ะ” ไม่นาน เขาก็ได้รับบทความชิ้นหนึ่งจากนิตยสาร Playboy ที่เขียนโดย มาร์ค โบล ชื่อ “Death and Dishonor” (ความตายและความอัปยศ) “ผมอ่านแล้วสะเทือนใจมาก” แฮคกิสกล่าว “มันเป็นเรื่องที่เศร้ามากและผมบอกเลยว่านี่คือสิ่งที่ผมอยากทำ”
“เราเมินเรื่องราวประเภทนี้มานานแล้ว” ผู้อำนวยการสร้าง ลอว์เรนซ์ เบคซี่ย์ ที่ร่วมงานกับแฮคกิสมากว่าสิบปีกล่าว “พอลชอบประเด็นนี้ทันทีที่ได้อ่าน” เขาเล่า “มันเป็นเรื่องที่ทรงพลังมาก ถ้าได้อ่าน คุณจะรู้ว่ามันเป็นเหมือนชานชาลาที่พาคุณไปสู่ประเด็นที่สะท้อนใจทุกคน ถ้าจะสู้เพื่อความยุติธรรม ยังไงถึงจะเรียกว่าถูกต้อง, เราดูแลตัวเองยังไง และทุกคนทำอะไรเพื่อดูแลครอบครัวตัวเอง”
บทความของโบลกล่าวถึงการฆาตกรรมทหารเกณฑ์วัยรุ่นคนหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากสงครามอิรัก เขาไปประจำการอยู่ที่ฟอร์ท เบนนิ่ง จอร์เจีย และเพิ่งกลับบ้าน ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ พ่อของเขาเป็นคนสืบคดีนี้เองหลังจากได้รู้ข่าวว่าลูกชายหายตัวไป และได้พบว่าเพื่อนทหาร 3 นายของลูกเป็นผู้ต้องสงสัย
ขณะรวบรวมความคิดเรื่อยๆ พอล แฮคกิสได้ไปปรึกษาเรื่องนี้กับ คลินต์ อีสต์วู้ด ผู้กำกับและนักแสดงคุณภาพที่เขาเคยเขียนบทหนังให้จนได้รับรางวัลหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Million Dollar Baby, Flags of Our Fathers และ Letters From Iwo Jima อีสต์วู้ดจึงนำไอเดียนี้ไปเสนอบริษัท Warner Bros. “คลินต์ช่วยผมให้ได้สร้างหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมประทับใจเข้ามาก” แฮคกิสกล่าว “ย้อนไปเมื่อปี 2003 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเหลียวแล เพราะฉะนั้นมันคงลำบากมากถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคลินต์”
“ยิ่งค้นคว้าข้อมูลมากเท่าไหร่ เรื่องราวก็ยิ่งขยายออกไป” แฮคกิสเพิ่มเติม “สุดท้ายผมก็ผสมมันเข้ากับเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ง และแต่งเรื่องราวการเดินทางค้นหาความจริงของแฮงค์ขึ้นมา ไม่ว่าจะต่อต้านหรือสนับสนุนสงคราม คุณก็ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงชายเหล่านั้นที่ถูกส่งไปสงคราม ผมต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของคนดีที่ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่เลวร้าย”
ประเด็นศูนย์กลางของแฮคกิสคือฆาตกรรมลึกลับ แต่ขณะเดียวกันก็ขยายออกไปกว้างกว่านั้น เมื่อเขาเน้นเรื่องราวของหญิงชายในเครื่องแบบ หนังเล่าเรื่องราวของ แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ อดีตทหารผ่านศึก และโจน ภรรยาของเขา รวมถึง เอมิลี่ แซนเดอร์ นักสืบหญิง, พลเรือน และแม่ที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงลูกคนเดียว ที่เข้ามาช่วยแฮงค์สืบหาตัวลูกชาย
นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ทอมมี่ ลี โจนส์ ผู้รับบท แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ กล่าวถึงเรื่องราวว่า "มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามต่อผู้คน และผมว่ามันชี้ให้เห็นความอันตรายของการรักชาติอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วย"
“ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับสงครามหรือมีจุดยืนทางการเมืองแบบไหน ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเรากำลังส่งหญิงชายเหล่านี้ไปทรมาน” นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ ชาร์ลิซ เธอรอน ผู้รับบท เอมิลี่ แซนเดอร์ นักสืบหญิงแกร่งกล่าว “การพาพวกเขากลับบ้าน โยนพวกเขากลับสู่สังคม แล้วหวังให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดานั้น เป็นการเรียกร้องที่มากเกินไปสำหรับพวกเขา มันคือความจริงอันโหดร้ายที่เราไม่ค่อยยอมรับกัน”
“เรามองสงครามได้สองด้าน” ผู้อำนวยการสร้างเบคซี่ย์กล่าว “ด้านแรกคือการสู้รบ ซึ่งเป็นด้านที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพชัดเจน แต่อีกด้านหนึ่งคือสงครามทางความรู้สึก ที่ตามมาหลังจากการสู้รบจบไปแล้ว เราอาจจะเข้าใจความเสียสละทางกายภาพของทหาร แต่เราไม่รู้หรอกว่าพวกเขาถูกกัดกร่อนทางอารมณ์และจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง”
รวมพล
แฮคกิสใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งในการเขียนบท แต่ใช้เวลาหาตัวนักแสดงน้อยมาก เขาเริ่มจากบท เอมิลี่ แซนเดอร์”ผมเคยเจอชาร์ลิซ เธอรอน มาก่อนและเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีโอกาสคุยกัน สุดท้ายผมก็โทรไปหาเธอแล้วถามว่าอยากอ่านบทเรื่องนี้ไหม ตอนนั้นคือเช้าวันพฤหัส เธออ่านคืนวันนั้นแล้วโทรกลับมาหาผมตอนเช้าวันศุกร์ บอกว่าตกลงแสดง”
“มีนักแสดงไม่กี่คนที่เป็นแบบอย่างของชาวอเมริกัน” แฮคกิสกล่าวถึงการตัดสินใจเลือก ทอมมี่ ลี โจนส์ มารับบท แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ “ทอมมี่ ลี โจนส์ เป็นมากกว่านั้น เขาคือนักแสดงที่ดีที่สุดคนหนึ่ง” แฮคกิสเล่าว่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทอมมี่ ลี โจนส์ ก็ตกลงรับบทนี้ “เขาอ่านบทช่วงเสาร์อาทิตย์ พอวันจันทร์ก็โทรมาตอบตกลง ซึ่งผมดีใจมาก”
“ฉันเป็นแฟนตัวยงของแฮคกิส ฉันชอบงานเขา ฉันว่าเขาเป็นมือเขียนบทที่เก่งมาก” เธอรอนกล่าว เธอได้เจอแฮคกิสตามงานประกาศรางวัลต่างๆ ช่วงที่เธอแสดงนำใน North Country และเขากำกับเรื่อง Crash “ไม่ว่าจะไปงานไหน สุดท้ายเราก็ได้นั่งโต๊ะเดียวกัน หรือไม่ก็คุยกันแบบออกรสออกชาติ ฉันชอบคุยกับเขาเรื่องงาน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเสนอบทนี้ให้ฉัน”
“เธอเป็นนักแสดงหญิงคนหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์จากบทหนึ่งไปสู่อีกบทหนึ่งได้” แฮคกิสพูดถึงการตัดสินใจเลือก ชาร์ลิซ เธอรอน มารับบท เอมิลี่ แซนเดอร์ “บทนี้คือนักสืบในเมืองเล็ก เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องการคนที่ดูเฉิดฉายแบบดาราฮอลลีวู้ด และถึงแม้ชาร์ลิซจะเป็นแบบนั้น แต่เธอก็สามารถสวมวิญญาณเป็นตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม”
“เอมิลี่ แซนเดอร์ เป็นแม่ม่ายที่เลี้ยงลูกคนเดียวและพยายามดิ้นรนสู้ชีวิต” เธอรอนพูดถึงตัวละครของเธอ “เธออยากทำงานให้ดี เลี้ยงลูกให้ดี” แต่ถึงจะเป็นตัวละครหญิงแกร่งที่สู้เพื่อตัวเองและอึดกับงานโหดๆ เธอก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง “ฉันชอบที่พอลถ่ายทอดออกมาให้เห็นชัดเลยว่าตัวละครนี้ไม่สมบูรณ์แบบ และไม่ได้ทำอะไรถูกตลอดเวลา” เธอรอนออกความเห็น
ชีวิตของเอมิลี่เหมือนเดิมทุกวัน จนกระทั่งคดีคนหายนี้เข้ามาส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อตัวเธอ “เธอไม่เคยรับมือคดีใหญ่มาก่อน และมีความรู้สึกร่วมกับคดีนี้ เธอใส่อารมร์ส่วนตัวไปในงานนี้มากกว่างานก่อนๆที่เคยทำ ฉันชอบส่วนนี้มาก” ชาร์ลิซ เธอรอน อธิบาย
คดีนี้ไม่ได้เพียงทำให้แซนเดอร์มองงานตัวเองเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ผู้คนที่เธอต้องพบเจอระหว่างงานนี้ได้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตเธอและส่งผลต่อตัวเธอด้วย เธอรอนพบว่าประเด็นนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน “ความสัมพันธ์ประหลาดแต่สวยงามเกิดขึ้นระหว่างแซนเดอร์และแฮงค์” เธออธิบาย “ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน พวกเขาคือคนสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานร่วมกัน นั่นคือสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของแฮงค์ เขามักก้าวนำหน้าเธอเสมอ ซึ่งทำให้เธอหงุดหงิด แต่ก็กระตุ้นให้เธอพยายามดันตัวเองให้อยู่เหนือเกมด้วย เราสองคนมีเคมีที่ยอดเยี่ยมระหว่างกัน บางครั้งก็ตลก บางครั้งก็สะเทือนใจอย่างไม่น่าเชื่อ”
“แฮงค์พยายามแข่งกับแซนเดอร์และรู้สึกขุ่นเคือง” ทอมมี่ ลี โจนส์ อธิบายถึงปฏิกิริยาของตัวละครเขาที่มีต่อตัวละคร เอมิลี่ แซนเดอร์ ของชาร์ลิซ เธอรอน “เขากระตุ้นให้เธอทำงานให้สำเร็จ และสุดท้ายก็เอ็นดูเธอ เพราะจิตใจที่ดีงามและความเข้าอกเข้าใจของเธอ”
“พอลมีสัญชาติญาณที่ยอดเยี่ยม” ผู้อำนวยการสร้างเบคซี่ย์พูดถึงการที่ผู้กำกับ พอล แฮคกิส ผู้กำกับตัดสินใจเลือก ทอมมี่ ลี โจนส์ และชาร์ลิซ เธอรอน มารับบทนำ “มันเป็นส่วนผมที่ลงตัว พวกเขาต่างมีมุมกล้าหาญซึ่งจำเป็นมากสำหรับบท”
บทสำคัญอีกบทหนึ่งก็คือ โจน ภรรยาของ แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ ตามสไตล์ของพอล เขาส่งบทไปให้นักแสดงที่เป็นตัวเลือกแรกก่อน นั่นก็คือ ซูซาน ซาแรนดอน เพราะคิดว่าต้องลองดูก่อน ถึงจะรู้ “เธอบอกว่าอยากอ่าน แล้วเธอก็อ่าน” แฮคกิสเล่า “เสร็จแล้วเธอก็โทรกลับมาบอกว่า บทนี้ไม่มีอะไรเลยนี่นา” ถึงจะรู้สึกละอาย แต่แฮคกิสก็ยอมรับว่าเธอพูดถูก เขากลับไปพิจารณาบทตามมุมมองของโจนอีกครั้ง และลงมือแก้บท จากนั้นก็ส่งกลับไปให้เธออ่านอีกรอบ “เธออ่านบทใหม่ทันทีและตกลงแสดง วันนั้นเป็นวันที่ดีวันหนึ่งของผมเลย”
แม้ว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆจากมุมมองของพลเรือน แต่ฉากหลังคือกองทัพและตัวละครหลายตัวเป็นทหาร ซึ่งรวมถึงเพื่อทหาร 4 นายของลูกชายแฮงค์ที่หายตัวไป อันได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เอนนิส ลอง, ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กอร์ดอน บอนเนอร์, สิบโท สตีฟ เพนนิ่ง และพลทหาร โรเบิร์ท ออร์ทีซ ซึ่งผู้กำกับแฮคกิสเลือกทหารผ่านศึกตัวจริงมารับบทบอนเนอร์และเพนนิ่ง
ผู้รับบท ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กอร์ดอน บอนเนอร์ คือ เจค แม็คลัฟลิน ทหารจากสงครามอิรักที่มีผลงานการแสดงครั้งแรกคือเรื่องนี้ “นักแสดงหลายคนต้องสร้างปูมหลังของตัวละครขึ้นมาเอง แต่ผมไม่ต้อง เพราะผมเคยไปอยู่ตรงนั้นมาแล้ว” แม็คลัฟลินอธิบาย “ความจริง ผมไปอิรักช่วงเดียวกับตัวละครเลย แถมยังอยู่หน่วยเดียวกันด้วย คือเขาอยู่กองพลที่ 1 ส่วนผมอยู่กองพลที่ 2”
“ผมเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น” แม็คลัฟลินกล่าวต่อ “ผมก็เลยคิดว่าผมได้เปรียบในเรื่องนี้” ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักแสดงหลายคนจะเข้ามาขอคำแนะนำจากเขาเกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวละคร
ตัวละครบอนเนอร์ของแม็คลัฟลินคือเพื่อนทหารและรูมเมทของไมค์ซึ่งเพิ่มมิติให้กับเรื่อง “เขารู้สึกผิดต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อของไมค์รู้สึกดีขึ้น” แม็คลัฟลินอธิบาย
ทหารผ่านศึกอีกคนหนึ่งที่เข้ามารับบทในเรื่องนี้คือ เวส แชทแฮม ผู้รับใช้กองทัพเรือมานานกว่า 4 ปี และบทของเขาคือ สิบโท เพนนิ่ง “ผมอยู่ที่อ่าวนั้นแต่ไม่ได้เข้าไปที่อิรัก” แชทแฮมเล่า “ผมอยู่บนเรือ บรรยากาศจึงต่างกัน แต่มันก็ช่วยให้ผมเข้าใจตัวละครและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้เป็นอย่างดี”
“ผมคิดว่าผู้ชายอย่างแชทแฮมน่าจะมาจากครอบครัวทหาร” แชทแฮมอธิบายถึงตัวละครของเขา “ในบางสถานการณ์ เขาสามารถเป็นเพื่อนตายของคุณและทหารเป็นทหารที่ดีได้ แต่ในบางสถานการณ์เขาก็อาจกลายเป็นปีศาจ”
แมแค็ด บรูกส์ นักแสดงที่คนดูคุ้นหน้าจากซีรี่ย์ฮิต Glory Road และ Desperate Housewives รับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เอนนิส ลอง เขาพูดถึงการเข้าถึงจิตใจตัวละครที่ผ่านสงครามว่า “มันค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ เพราะผมไม่เคยเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ฆ่าแกงกัน และถ้าไปยึดติดกับสิ่งที่สังคมยอมรับว่าปกติ คุณแย่แน่ เพราะฉะนั้นตัวละครนี้จึงมีความซับซ้อนหลายชั้น ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายสำหรับนักแสดง”
สำหรับบทอื่นๆ แฮคกิสรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร วิคเตอร์ วูล์ฟ ผู้รับบทเป็นพลทหาร โรเบิร์ท ออร์ทีซ มองว่าตัวละครของเขาเป็นดวงวิญญาณหลงทาง “พอกลับมาถึงบ้าน ชีวิตที่อิรักก็ตามมาหลอกหลอนเขา ผมว่ามันน่าสนใจที่สงครามสามารถเปลี่ยนคนดีๆให้กลายเป็นผิดปกติได้”
“มันไม่ได้พูดถึงแค่ทหารที่กลับมาจากสงครามและความโหดร้ายที่พวกเขาพบเจอเท่านั้น” วูล์ฟกล่าว “แต่ยังพูดถึงพ่อแม่และครอบครัวของทหารเหล่านั้นด้วย พวกเขาก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน และคุณจะได้เห็นว่ามันไม่มีวันจบ”เขาพูดถึงสิ่งที่ดึงดูดให้รับบทนี้ว่า “เหมือนกับว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้ได้รับพลังจากพระเจ้า และฆ่าคนเท่าที่คิดว่าจำเป็น ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสนใจในตัวเขา”
แม้จะมั่นใจในบทหนังและอยากแสดงกับนักแสดงรว่มใจจะขาด แต่วูล์ฟก็พบกับปัญหาที่ไม่คาดคิด “ผมกลัวสุดๆว่าจะชวดบทนี้เพราะน้ำหนักตัว” วูล์ฟเผย “แต่พอลเชื่อในตัวผม เขาบอกว่า ผมคือผู้ชายคนนี้ และบอกว่าผมทำได้แน่” และแล้ววูล์ฟก็เข้าคอร์ดกับครูฝึกจนลดน้ำหนักได้ถึง 30 ปอนด์ เพื่อรับบทนี้
เมื่อได้นักแสดงครบแล้ว แฮคกิสก็จับ 4 หนุ่มมานั่งคุยและแนะนำให้พวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกัน “เราใช้เวลาทุกนาทีด้วยกัน” วูล์ฟเล่า “เพราะฉะนั้นเราจะรู้ทั้งด้านดีและไม่ดีของกันและกัน บางครั้งเราก็หงุดหงิดใส่กัน แต่มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราอยู่ด้วยกัน เหมือนไปรบด้วยกันมา”
“เขาบอกให้เราเมาด้วยกัน รักกัน เกลียดกัน ทะเลาะกัน ทำความรู้จักกันและกัน และกลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ” บรูกส์เสริม “ซึ่งเรากลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ เพราะฉะนั้นเวลาเข้าฉากด้วยกัน จึงไม่ต้องแสดงมาก เพราะเรารู้จักกันจริงๆ”
“ในกองทัพ คุณจะถูกโยนเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ชาย ซึ่งต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และจากสิ่งที่ผ่านมาด้วยกัน คุณจะเป็นมากกว่าเพื่อน แทบจะเรียกว่าได้ว่าเป็นครอบครัว ผมคิดว่ามันสำคัญมากสำหรับพอลที่เราต้องเข้าขากันดี และคนดูต้องมองเห็นได้”
ในส่วนของนักแสดงสมทบคนอื่นๆที่เข้ามารับบททหารหนุ่ม แฮคกิสบอกว่า “มีความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับคนที่ไปสงคราม เพราะฉะนั้นเราจึงต้องการนักแสดงที่ดูสมจริง”
ซึ่งนักแสดงสมทบเหล่านี้มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ได้แก่ โจนธาน ทักเกอร์ ผู้รับบท ไมค์ เดียร์ฟีลด์ ตัวละครซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่อง แต่ปรากฏตัวแค่ในฉากย้อนอดีต, เจสัน แพทริค รับบท ร้อยโทเคิร์กแลนเดอร์ และเจมส์ ฟรานโก รับบท สิบโทคาร์เนลลี่ ผู้รายงานการหายตัวไปของไมค์ และพยายามควบคุมการเข้าถึงหลักฐานเมื่อคดีหลุดจากความรับผิดชอบของพวกเขาไป จอช โบรลิน รับบทเป็น ผู้บังคับการบุชวอลด์ หัวหน้าของเอมิลี่ที่พยายามผลักคดีกลับไปที่กองทัพเมื่อทุกอย่างเริ่มรุนแรงขึ้น ส่วนบท เอวี่ สาวเสิร์ฟเปลือยอกที่เห็นไมค์เป็นคนสุดท้าย รับบทโดย ฟรานเซส ฟิชเชอร์
ประหลาดใจและยำเกรง
ใน Crash ผลงานการกำกับเรื่องที่แล้ว พอล แฮคกิส มีเวลาให้นักแสดงซ้อมบทเยอะมาก ตรงข้ามกับ In the Valley of Elah ที่ทุกอย่างลงตัวอย่างรวดเร็วจนมีเวลาให้นักแสดงเตรียมตัวน้อย และส่วนใหญ่ก็สร้างอารมณ์กันสดๆในฉาก ซึ่งทำให้บรรยากาศกันทำงานของนักแสดงและผู้กำกับน่าตื่นเต้นมากขึ้น ทั้งยังทำให้พวกเขาสนิทสนมกันขึ้นเรื่อยๆระหว่างการทำงานด้วย”ผมชอบรอดูการถ่ายทอดบทของนักแสดง” แฮคกิสกล่าว “ความจริงผมชอบให้นักแสดงผลักดันผมมากกว่า ถ้าพวกเขาแสดงเหมือนที่ผมเขียนไว้เป๊ะ ผมคงผิดหวังมาก”
“มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก” ชาร์ลิซ เธอรอน พูดถึงกระบวนการสร้างและความสัมพันธ์ของนักแสดงกับผู้กำกับ “มันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เขาไม่ทำงานครึ่งๆกลางๆ บทหนังของเขามีความท้าทาย และเขาเองก็ผลักดันนักแสดงเต็มที่ ฉันคงไม่สามารถเรียกร้องอะไรมากกว่านั้นได้”
นักแสดงผู้รับบทเพื่อนทหารทั้งสี่ของไมค์ก็พบว่าการทำงานกับผู้กำกับแฮคกิสคือประสบการณ์ที่ล้ำค่าเช่นกัน และบอกว่าแฮคกิสเปิดกว้างและคอยช่วยเหลือพวกเขาตลอดเวลา “เขาเป็นคนที่เปิดกว้าง” เมแคด บรูกส์ ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแฮคกิส “มันสนุกมากเพราะเขาทำให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังทำงานกับเขา ไม่ใช่ทำงานให้เขา”
“เขาคอยสนับสนุนนักแสดงตลอดเวลา” แม็คลัฟลินกล่าว “เขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก”
เวส แชทแฮม เสริมว่า “เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่เขาก็รู้วิธีการปรับสิ่งที่นักแสดงทำเอาไว้ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการสำหรับฉากนั้นๆ คุณวางใจได้ว่าเขาสามารถประกอบทุกอย่างให้ออกมาลงตัว”
“เขาเก่งเรื่องเก็บปฏิกิริยามนุษย์” วิคเตอร์ วูล์ฟ พูดถึงรูปแบบการกำกับของแฮคกิส “เขาสามารถค้นหาความอ่อนโยนในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดได้ และนำคุณไปสู่จุดนั้นโดยไม่ต้องพยายามมาก” วูล์ฟนับถือแฮคกิสในฐานะนักเขียนด้วย “เขาคือปรากฎการณ์ บทพูดที่เขาเขียนนั้นสมบูรณ์แบบ แต่มันไม่ใช่แค่คำที่พูดออกไป มันมีความหมายแฝงในนั้นด้วย เขาเก่งเรื่องนี้มาก”
นอกจากนี้ แฮคกิสยังเก่งเรื่องการคัดเลือกทีมนักแสดงด้วย “พอลทำได้ดีมากในการค้นหาคนที่เขาเชื่อว่าสามารถถ่ายทอดบทที่เขาเขียนขึ้นมาได้” เธอรอนตั้งข้อสังเกต ไม่ว่าเคล็ดลับของเขาคืออะไร แต่มันก็ทำให้เกิดเคมีที่ยอดเยี่ยมระหว่างนักแสดง และทำให้การทำงานครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีของทุกคน ทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่และหน้าใหม่รู้สึกสนิทสนมและสบายใจในการร่วมงานกัน แต่ทุกคนแสดงก็ยังคงแสดงความยำเกรงในการร่วมฉากกับนักแสดงรุ่นลายครามอย่าง ทอมมี่ ลี โจนส์
“ทอมมี่คือแรงผลักดันของฉัน” ชาร์ลิซ เธอรอน กล่าวถึงนักแสดงร่วมของเธอ “ในฐานะนักแสดง เขามีพรสวรรค์มาก ก่อนเปิดกล้อง ฉันรู้ว่าการร่วมงานกับเขา ฉันต้องตั้งมาตรฐานตัวเองไว้สูงๆ และโชว์ฝีมือเต็มที่ ฉันชอบเวลานักแสดงทำแบบนั้น และฉันรู้สึกเคารพเขามาก”
ยิ่งร่วมงานกันนานเท่าไร ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ยิ่งเหมือนตัวละครแซนเดอร์และแฮงค์ “มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกเหมือนโดนข่ม และหลายครั้งที่ฉันชื่นชมเขามาก” เธอรอนอธิบาย “ฉันมีจุดที่อ่อนไหวสำหรับเขา และสนุกที่ได้ร่วมงานกับเขา”
นักแสดงพูดน้อยอย่าง ทอมมี่ ลี โจนส์ บอกว่าการร่วมงานกับ ชาร์ลิซ เธอรอน เป็นประสบการณ์ท่ “ยอดเยี่ยม เธอตลอกมาก และเป็นนักแสดงที่ดี เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วสนุก”
แต่คำชมส่วนใหญ่ที่มีต่อเธอรอนนั้นมาจากกลุ่มนักแสดงชายหน้าใหม่ที่รู้สึกยำเกรงเธอในตอนแรก “เธอกลายเป็นผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่ม เราทุกคนเต็มใจยอมรับเธอเข้ามาในสมาคมเล็กๆของเรา”
“ชาร์ลิซเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่น” วิคเตอร์ วูล์ฟ กล่าว เขาร่วมฉากกับเธอรอนหลายฉากรวมถึงฉากไล่ล่าที่ใช้สตัรท์แมนด้วย” เธอเป็นคนที่กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา เยี่ยมมากเลยที่ได้ร่วมงานกับเธอ”
และวูล์ฟก็ปลื้มไม่แพ้กันที่ได้ร่วมงานกับ ทอมมี่ ลี โจนส์ “ผมมีฉากอารมณ์กับเขาบางฉาก ซึ่งเขาถ่ายทอดออกมาได้ดีมากโดยไม่ต้องทำอะไรเลย” วูล์ฟกล่าวด้วยน้ำเสียงนับถือ นอกจากฉากอารมณ์อันเข้มข้นแล้ว วูล์ฟยังมีฉากต่อสู้กับโจนส์ด้วย “เขาเข้มใช่เล่นเลยนะ” วูล์ฟเล่า “ไม่มีถอยเลย เขาฟาดผมด้วยไฟฉาย ภาพเขายืนจังก้าเหนือผมพร้อมไฟฉายในมือและดวงตาที่ลุกเป็นไฟ มันดูเจ๋งมาก”
ภารกิจ
การถ่ายทำเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2006 ที่เมืองแอลบูเคอร์คี ในนิวเม็กซิโก ทีมงานยกกองไปถ่ายทำในกว่า 28 สถานที่ในเมืองนี้ รวมถึง ลานจัดงานของรัฐนิวเม็กซิโก, โรงพยาบาล, บาร์และคลับเปลื้องผ้าหลายแห่ง, อาคารศาลเก่า และตึกสำนักงานสวัสดิการสังคมที่ว่างอยู่ จากนั้นกองถ่ายก็ย้ายไปที่ไวท์วิลล์ เมืองเล็กๆใกล้เมมฟิส รัฐเทนเนสซี เพื่อสร้างบ้านของ แฮงค์ เดียร์ฟีลด์ ขึ้นมา หลังจาก 4 วันในเทนเนสซี ทีมงานก็เดินทางต่อไปยังโมร็อคโคเพื่อถ่ายทำฉากสงครามอิรักซึ่งจะเป็นฉากแฟลชแบ็คในหนัง และที่นั่นเองที่การถ่ายทำเสร็จสิ้นลง
ผู้ออกแบบงานสร้าง ลอว์เรนซ์ เบนเน็ตต์ ที่เคยร่วมงานกับแฮคกิสใน Crash พบว่าตารางถ่ายทำที่แน่นเอี้ยดคือความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเขา ในการออกแบบ เบนเน็ตต์พิจารณาจากตัวละครแฮงค์เป็นอันดับแรก เขาเล่าว่า “จินตนาการในการออกแบบของผมมาจากการเดินทางของแฮงค์ เขามาจากสถานที่ที่ปลอดภัยมาก นั่นก็คือรัฐเทนเนสซี ที่เขารู้สึกคุ้นเคย ก่อนจะออกมาเผชิญโลกและค้นพบว่าสังคมไม่เป็นอย่างที่เขาเคยรู้จัก และได้เห็นว่าโลกนี้เปลี่ยนไปในแบบที่เขาไม่เข้าใจ ที่สำคัญ เขาไม่ชอบที่มันเปลี่ยนไปแบบนี้เลย”
“เขาเป็นคนที่นิ่งมาก” เบนเน็ตต์พูดถึงตัวละครนำ “เป็นคนเก็บอารมณ์ เพราะฉะนั้นเมื่อบุคลิกนิ่งๆอย่างเขาไปอยู่ในสถานที่อย่างคลับเปลื้องผ้าหรือบาร์ต่างๆ จึงเป็นความขัดแย้งที่น่าสนใจ”
ส่วนเรื่องราวของหนังก็ช่วยนำทางการออกแบบงานสร้างของเบนเน็ตต์เช่นกัน เขาบอกว่า “เรื่องราวของหนังเรื่องนี้มีหลายชั้น ทั้งความลึกลับ, ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกชาย, สิ่งที่ถูกเปิดโปงและปิดบัง แต่ทุกอย่างบรรจุอยู่ในโครงสร้างที่เหมาะสมและยอดเยี่ยม ทำให้ผมยึดหลักคลาสสิค ไม่มีอะไรที่ฉูดฉาด เราปล่อยให้เรื่องราวของแฮงค์ค่อยๆเปิดเผย”
“Crash เน้นความไร้แก่นสารและความเกี่ยวโยง” แฮคกิสกล่าวถึงรูปแบบของงานภาพในหนังเรื่องก่อนของเขา “ส่วนเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกา เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจถ่ายภาพแบบอเมริกันแท้ๆ” ในการจะบรรลุเป้าหมายนี้ แฮคกิสได้ใช้บริการของผู้กำกับภาพชื่อดัง โรเจอร์ ดีกินส์ “ดวงตาเขามองเห็นความมหัศจรรย์” ผู้อำนวยการสร้าง เบคซี่ย์ กล่าวถึงผลงานของดีกินส์ “เขาสร้างสิ่งมหัศจรรยืขึ้นมาร่วมกับพอล”
ที่มาของชื่อหนัง
ชื่อหนัง In The Valley of Elah สื่อถึงสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอลที่ปรากฏในพระคัมภีรืไบเบิล (ซามูเอลที่ 1 บทที่ 17) ซึ่งเป็นที่ที่การต่อสู้ระหว่างดาวิดและโกลิอัทปะทุขึ้นเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก อยู่ที่สี่แยก Route 38 และ Route 375 ใกล้สี่แยก Elah
หนังพูดถึงสงครามที่เต็มไปด้วยอุปสรรคไม่คาดฝันมากมาย และพูดถึงคนที่เอาชนะความยากลำบากเหล่านั้นมาได้ แต่ต้องกลับบ้านพร้อมอาการทางจิตสืบเนื่องจากความโหดร้ายของสงคราม รวมทั้งความเครียดที่เกี่ยวข้อง
“ผมชอบชื่อเรื่องแปลกๆแบบนี้” แฮคกิสอธิบาย “เพราะมันครอบคลุมสิ่งที่หนังพูดถึง ตามไบเบิล กษัตริย์ซาอูลส่งดาวิดไปยังหุบเขาเอลาห์เพื่อต่อสู้กับโกลิอัทด้วยก้อนหินเพียง 5 ก้อน ผมถามตัวเองว่า ใครจะทำแบบนั้น ใครจะส่งเด็กหนุ่มไปสู้กับยักษ์ใหญ่แบบนั้น หนังพูดถึงความรับผิดชอบของเราที่ส่งหนุ่มสาวไปสงคราม”
ส่วนหนึ่งของคำวิจารณ์
“พลังมหาศาลของหนังมาจากการแสดงที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งของ ทอมมี่ ลี โจนส์”
— เดวิด แอนเซ่น, Newsweek
“ความทุ่มเทของนักแสดงประกอบกับบทที่เหนือชั้นทำให้หนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า Crash”
— ริชาร์ด คอร์ลิสส์, Time Magazine
“ทอมมี่ ลี โจนส์ ให้การแสดงที่ทุ่มเทและน่าสะเทือนใจระดับสุดยอด ซึ่งการแสดงของเขาเป็นตัวขับเคลื่อนหนังที่มีประเด็นล่อแหลมแต่ทรงพลังเรื่องนี้ “
— เดวิด เดนบี้, New Yorker
“ผลงานการกำกับของ พอล แฮคกิส ใน In the Valley of Elah ตอกย้ำฝีมือระดับเทพของ ทอมมี่ ลี โจนส์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงยอดเยี่ยม”
— โรเจอร์ อีเบิร์ท, Chicago Sun-Times
“มันเป็นหนังฮอลลีวู้ดเกี่ยวกับสงครามอิรักเรื่องแรกที่ทำให้ผมนึกถึงหนังสงครามเวียดนามอย่าง Coming Home มันไม่ได้แค่ทำให้เราวุ่นวายใจ แต่ทำให้เราสะดุ้ง สะเทือนใจ และเยียวยาเราในท้ายที่สุด”
— โอเว่น ไกลเบอร์แมน, Entertainment Weekly
นักแสดง
ทอมมี่ ลี โจนส์ รับบท แฮงค์ เดียร์ฟีลด์
ผลงาน >> No County for Old Men, A Prairie Home Companion, Men In Black, Men In Black II, Space Cowboy, Rules of Engagement, Double Jeopardy, U.S. Marshall, Volcano, Batman Forever, The Client, Natural Born Killers, Under Siege, The Fugitive, JFK
รางวัล
- ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก The Fugitive
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก JFK
- ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก The Fugitive
ชาร์ลิซ เธอรอน รับบท เอมิลี่ แซนเดอร์
ผลงาน >> North Country, Monster, Aeon Flux, Head In the Clouds, The Italian Job, Trapped, Sweet November, The Legend of Baggar Vance, Men of Honor, Reindeer Games, The Cider House Rules, The Astronaut’s Wife, Mighty Joe Young
รางวัล
- ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Monster
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก North Country
- ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในภาพยนตร์ประเภทดราม่าจาก Monster
ซูซาน ซาแรนดอน รับบท โจน เดียร์ฟีลด์
ผลงาน >> Elizabeth Town, Alfie, Shall We Dance, Igby Goes Down, Anywhere But Here, Cradle Will Rock, Stepmom, Dead Man Walking, The Client, Lorenzo’s Oil, Thelma & Louise
รางวัล
- ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Dead Man Walking
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก The Client
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Lorenzo’s Oil
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Thelma & Louise
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Atlantic City
ทีมสร้าง
พอล แฮคกิส — กำกับการแสดง / เขียนบท
ผลงานการกำกับ >> Crash (ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2004)
ผลงานการเขียนบท >> Letters from Iwo Jima, Casino Royale, Flags of Our Fathers, Million Dollar Baby, Crash
รางวัล
- ได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก Crash
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก Letters From Iwo Jima
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจาก Million Dollar Baby
สตีฟ แซมวลส์ — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Michael Clayton, Running With Scissors
แพทริค วอชเบอร์เกอร์ — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Step Up, The Alibi, Mr. & Mrs. Smith, Vanilla Sky, Wrong Turn, Dot the I
โรเจอร์ ดีกินส์ — ถ่ายภาพ
ผลงาน >> Jarhead, The Village, The Ladykillers, A Beautiful Mind, The Man Who Wasn’t There, The Hurricane, Fargo, Dead Man Walking, Shawshank Redemption
ลอว์เรนซ์ เบนเน็ตต์ — ออกแบบงานสร้าง
ผลงาน >> Crash, ทีวีซีรี่ย์ Grey’s Anatomy