กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--ปตท.
- ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- นักลงทุนในตลาดคลายความกังวลหลังจากสหรัฐฯและจีนสามารถหาข้อสรุปเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างกันและคาดว่าจะสามารถลงนามข้อตกลง Phase 1 ได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. 63 อนึ่งจีนยังไม่ยุติการเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ และ LNG จากสหรัฐฯที่ระดับ 5% และ 25% ตามลำดับ
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขา Chicago นาย Charles Evans แถลงในการประชุม Economic Club ในรัฐ Indiana ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในเกณฑ์ดี หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของ Fed ที่ 2% ต่อปี
- Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 13 ธ.ค. 62 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 1.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 446.8 ล้านบาร์เรล ลดลงน้อยกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย Bloomberg ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงจากสัปดาห์ก่อน 1.8 ล้านบาร์เรล
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics) รายงานโรงกลั่นจีนกลั่นน้ำมันดิบ เดือน พ.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 30,000 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 13.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน และช่วงเดือน ม.ค. - พ.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 820,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 12.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงกลั่นแห่งใหม่ Hengli (กำลังการกลั่น 400,000 บาร์เรลต่อวัน) และ Rongsheng (กำลังการกลั่น 400,000 บาร์เรลต่อวัน) เริ่มดำเนินการ
- ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค. 62 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 18 แท่น มาอยู่ที่ 685 แท่น เพิ่มขึ้นสูงสุดรายสัปดาห์ตั้งแต่เดือน ก.พ. 61
- EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 63 จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 29,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 9.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปริมาณการผลิตจากแหล่ง Permian เพิ่มขึ้น 48,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อน อยู่ที่ 4.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ICE รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ในตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุด 17 ธ.ค. 62 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 24,517 สัญญา อยู่ที่ 398,360 สัญญา
- CFTC รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดนิวยอร์กและตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. 62 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับ Net Long Position เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 43,962 สัญญา มาอยู่ที่ 295,324 สัญญา
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 18 แท่น เพิ่มขึ้นสูงสุดรายสัปดาห์ตั้งแต่เดือน ก.พ. 61 และข่าวซาอุดิอาระเบียและคูเวตจะลงนามข้อตกลงจัดสรรผลประโยชน์จากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Khafji (กำลังการผลิต 500,000บาร์เรลต่อวัน) ที่กรุง Kuwait City สัปดาห์นี้ อนึ่งน้ำมันดิบ Khafji เป็น Heavy Crude (API 28.5 และ 2.85% S) ใช้ทดแทนอุปทานน้ำมันจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน แต่ทว่าปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เพราะเป็นพื้นที่ทับซ้อน การผลิตจะเพิ่ม สู่ระดับ 500,000 บาร์เรลต่อวัน ในเวลาประมาณ 6 เดือน หากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง อนึ่งทั้งสองประเทศจะลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบชนิดอื่น เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง OPEC+ อย่างไรก็ตามข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ คืบหน้าตามลำดับ จีนจะประกาศสินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเพิ่มเติม อาทิ ภาษีหมูแช่แข็ง, ยา, กระดาษและเทคโนโลยี เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 และประกาศงดเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมี อาทิ HDPE และ LLDPE จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ วันที่ 26 ธ.ค. 62 ในระยะสั้นให้ติดตาม New Home Sales และ U.S. Durable Good Order เดือน พ.ย. 62 เพื่อประเมินสถานะทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้านเทคนิคสัปดาห์นี้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ ในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 62.5-67.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลงเนื่องจากแรงขายของจีน และมาเลเซีย ประกอบกับโรงกลั่นน้ำมัน Pernis (กำลังการกลั่น 404,000 บาร์เรลต่อวัน) ของบริษัท Shell ในเนเธอร์แลนด์ กลับมาดำเนินการ Crude Distillation Units (CDU) หน่วยที่ 6 (กำลังการกลั่น 200,000 บาร์เรลต่อวัน) ในวันที่ 12 ธ.ค. 62 หลังปิดซ่อม เนื่องจากเหตุขัดข้องทางเทคนิคตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 62 ด้านปริมาณสำรอง EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 13 ธ.ค. 62 เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 237.3 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม Petroleum Planning and Analysis Cell (PPAC) ของอินเดียรายงานอุปสงค์น้ำมันเบนซิน เดือน พ.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9 % อยู่ที่ 716,000 บาร์เรลต่อวัน และ Rabigh Refining and Petrochemical Co. (กำลังการกลั่น 400,000 บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Saudi Aramco และ Sumitomo ในซาอุดิอาระเบียมีแผนปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสที่ 1/63 และ International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค. 62 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 650,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 12.27 ล้านบาร์เรล ด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 72-77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเนื่องจาก PPAC ของอินเดียรายงานอุปสงค์น้ำมันดีเซลเดือน พ.ย. 62 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.8 % อยู่ที่ 1.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 61 และ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน ibKymkfhkor]y'nterprise Singapore (Facts Global Energy (FGE) ประเมินโรงกลั่น Normandy ของบริษัท Total (กำลังการกลั่น 253,000 บาร์เรลต่อวัน) ในฝรั่งเศส ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62 ทำให้หน่วย CDU ได้รับความเสียหายอาจกระทบต่อการผลิต Middles Distillates ปริมาณ 150,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม Platts รายงานโรงกลั่น Nghi Son (กำลังการกลั่น 200,000 บาร์เรลต่อวัน) ของเวียดนามจะกลับมาดำเนินการในสัปดาห์นี้ หลังปิดซ่อมบำรุงวันที่ 23 ต.ค. 62 และ Valero Energy Corp. ของสหรัฐฯ กลับมาเดินเครื่องหน่วย Hydrotreater ที่โรงกลั่น Meraux (กำลังการกลั่น 125,000 บาร์เรลต่อวัน) ในรัฐ Louisiana ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 62 หลังจากปิดซ่อมบำรุงตามแผน ด้านปริมาณสำรอง EIA รายงานปริมาณสำรอง Middles Distillates เชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 13 ธ.ค. 62 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.5 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 125.1 ล้านบาร์เรล และ IES รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค. 62 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 160,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 10.87 ล้านบาร์เรล ทางเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซล จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 78-83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล