กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor) ของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เป็น 'BBB-' จาก 'BB+' และปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) เป็น '2' จาก '3' พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้ยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวก (Rating Watch Positive) ของอันดับเครดิตดังกล่าว การประกาศอันดับเครดิตในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการระหว่าง TMB กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้วตามแผนของธนาคารเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562
ฟิทช์ได้ให้เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกแก่อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำและอันดับเครดิตสนับสนุนของ TMB ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2562 หลังจากที่มีการประกาศยืนยันการควบควมกิจการกับ TBANK พร้อมกำหนดช่วงเวลาในการดำเนินการ ทั้งนี้ในส่วนของอันดับเครดิตอื่นของ TMB นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอันดับเครดิตในครั้งนี้
การประกาศปรับอันดับเครดิตดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของฟิทช์ก่อนหน้านี้ว่า TMB จะมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการควบรวมกิจการ เนื่องจากธนาคารจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านเงินฝากและสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับธนาคารอื่นอีก 5 แห่งที่ได้รับการระบุให้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestically Systematic Important Bank หรือ DSIB)
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
TMB ประสบความสำเร็จในการควบกิจการกับ TBANK และได้กลายเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ในประเทศไทย และฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือสนับสนุน (extraordinary support) แก่ TMB ได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่มีความจำเป็น ฟิทช์คาดว่าการควบกิจการจะส่งผลให้ TMB มีขนาดเงินฝากและสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นประมาณ 1.4 ล้านล้านบาทและ 1.9 ล้านล้านบาท ตามลำดับ (ประมาณการจากงบการเงิน ณ สิ้น กันยายน 2562) อีกทั้งส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกันเป็นประมาณ 10% และ 9% ตามลำดับ ซึ่งจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับส่วนแบ่งทางการตลาดของธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศที่อยู่ในช่วงประมาณ 11%-17%
TMB คาดว่ากระบวนการรวมธุรกิจ (integration process) และการโอนกิจการทั้งหมดของ TBANK จะเสร็จสิ้นภายในปี 2564
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงในความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ TMB อาจจะส่งกระทบต่ออันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคาร ตัวอย่างเช่น การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่ BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก อาจส่งผลอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'BBB' ในทางกลับกันการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศไทย (ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก) อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ TMB ถูกปรับลดอันดับลงมาอยู่ในช่วงอันดับเครดิตในกลุ่ม 'BB' ในขณะที่อันดับเครดิตสนับสนุนนั้นไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง เว้นแต่อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำได้รับการปรับไปอยู่ในช่วงอันดับเครดิตในกลุ่มอื่น
อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำและอันดับเครดิตสนับสนุนอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบหากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ TMB มีการปรับตัวลดลง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดได้หากมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า TMB มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในระดับที่ลดลงหรือหากมีการออกกฎเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน (resolution legislation) ที่ทำให้แนวโน้มที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยลงกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ในปัจจุบัน
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้ แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต ไม่เกินระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม
ขอมูลเพิ่มเติมสามารถหาได้จาก ESG Relevance Scores, visit www.fitchratings.com/esg
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังต่อไปนี้:
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำปรับอันดับเป็น 'BBB-' จาก 'BB+';
- อันดับเครดิตสนับสนุนปรับเพิ่มอันดับเป็น '2' จาก '3';