กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
เมื่อ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทำการเผยโฉม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ครั้งแรกในปี 2555 นั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ไม่เพียงนำเสนอรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินกลยุทธ์ด้านพลังงานไฟฟ้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของระบบนิเวศพลังงานไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืน โดยอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศดังกล่าวคือ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ (DENDO DRIVE HOUSE)
เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ถูกจัดแสดงครั้งแรกที่งาน เจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เดือนมีนาคม 2562 เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ (ในภาษาญี่ปุ่น "เดนโด" หมายถึง "การขับขี่ด้วยไฟฟ้า") คือการยกระดับกลยุทธ์ด้านพลังงานไฟฟ้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส และแสดงถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนโลกด้วยพลังงานไฟฟ้า
เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คือระบบสำหรับที่พักอาศัยซึ่งประกอบด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสองทิศทาง (Bi-Directional) แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่สำหรับที่พักอาศัย โดยมีการจำหน่ายชุดอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การขายและการติดตั้งตลอดจนบริการบำรุงรักษาหลังการขาย กล่าวโดยสรุป เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คือระบบที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากที่พักอาศัย เพื่อนำไปใช้ในการชาร์จยานพาหนะ และในทางกลับกันยังสามารถดึงพลังงานไฟฟ้ากลับจากยานพาหนะเพื่อนำไปใช้ในที่พักอาศัย
เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ สามารถผลิต จ่ายและเก็บพลังงานไฟฟ้าได้อัตโนมัติตามความต้องการ โดยทั่วไปแล้วในช่วงเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้พลังงานต่ำ แผงโซลาร์เซลล์จะผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่สำหรับบ้านและแบตเตอรี่รถ มิตซูบิชิ เอาท์แลนแดอร์ พีเอชอีวี จนแบตเตอรี่เต็ม ในช่วงกลางวันแผงโซลาร์เซลล์จะยังคงผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องสำหรับที่พักอาศัย โดยในช่วงเย็นพลังงานที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์จะลดน้อยลง และไฟฟ้าที่ชาร์จเก็บไว้ในแบตเตอรี่จะถูกนำมาใช้ภายในบ้านซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และหาก มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จอดอยู่และมีการเชื่อมต่อ ตัวรถก็จะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ที่พักอาศัยด้วยเช่นกันผ่านอุปกรณ์ชาร์จไฟสองทิศทาง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินและไฟดับ แบตเตอรี่ในที่พักอาศัยและใน มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จะสามารถเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองได้ และ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ที่พักอาศัยได้ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 13.8 กิโลวัตต์
รถอเนกประสงค์รุ่นนี้ยังสามารถจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ได้สูงสุด 1,500 วัตต์ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องทำกาแฟและหม้อหุงข้าว หรือสำหรับชาร์จจักรยานไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าแบบ Bi-Directional
เมื่อ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ทำงานร่วมกับ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ เกิดเป็นระบบนิเวศด้านพลังงานที่สร้างประโยชน์มากมายให้แก่ผู้ใช้ โดยแบตเตอรี่สำหรับที่พักอาศัยและรถพีเอชอีวียังสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ ในเวลากลางคืนซึ่งค่าไฟจะมีราคาถูกที่สุด
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ สามารถลดการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้า และที่สำคัญยิ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่ความยั่งยืน ด้วยระบบนิเวศเช่นนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส แสดงให้เห็นว่ายานยนต์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัยได้อย่างไร และสะท้อนถึงการลงทุนของบริษัทฯ ในเทคโนโลยีการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมุ่งสู่พลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต ด้วยแนวโน้มของจำนวนรถพลังงานไฟฟ้าบนท้องถนนอีกหลายล้านคันในทศวรรษหน้า และความนิยมที่เพิ่มขึ้นของระบบแบตเตอรี่สำหรับที่พักอาศัย รวมถึงการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยเหตุนี้ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ร่วมกันกับแบตเตอรี่ที่พักอาศัย จะช่วยให้ระบบพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวเป็นที่ยอมรับอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันก็มอบประโยชน์ด้านความประหยัดคุ้มค่า และช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ปลอดมลพิษ
เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนและจ่ายพลังงานกลับคืนสู่โครงข่าย พร้อมกันนี้ยังพัฒนาให้สามารถใช้งานกับแบตเตอรี่ของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และแบตเตอรี่ของที่พักอาศัยได้อย่างไร้ความกังวลและเต็มประสิทธิภาพ โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เริ่มจำหน่าย เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ครั้งแรกในโลกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ 3 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา และกำลังเตรียมที่จะเริ่มจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ต่อไป
เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานี ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด
- สำหรับลูกค้าที่สนใจชมหรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 วันจันทร์ – วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 8:30-17:00 น.
- ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่
- Website: www.mitsubishi-motors.co.th
- Facebook: www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
- Instagram: @MitsubishiMotorsTh
- Youtube Channel: Mitsubishi Motors Thailand
- Line Official Account/ ID: Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh