กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--อาวอง
ซีเกมส์ ไม่เกี่ยว...โอลิมปิกไม่สน
เกมส์เดียวเท่านั้น ที่ขอเดิมพัน “กีฬาอนุบาลแห่งชาติ” ครั้งที่ 18
เมื่อความมุ่งมั่น มาพร้อมกับแสบ ซน
“ดรีมทีม” ชื่อทีมฟอร์มดี ฟังฮึกเหิม ชวนให้มีความหวัง
โค้ช ครู พ่อแม่ กองเชียร์จึงคาดหวังกันซะเต็มเหนี่ยว ซัดแรงเชียร์กันเต็มสตรีม
แต่...“ดรีมทีม” อายุ 5 ขวบ!!! เนี้ยนะ?
ใคร(ฟ่ะ) บอก กีฬามีแพ้ มีชนะ
“ดรีมทีม” 3 เมษายน นี้ ได้ลุ้นแน่ ฟันธง!
About Dream Team
“ดรีมทีม” ภาพยนตร์แนวแฟมิลี่ คอมเมอดี้ เรื่องราวของ โค้ชเบิร์ด กับ ครูหนูเล็ก ที่มาปะทะคารมกัน แถมต้องมาปวดหัวกับเหล่าเด็กแสบระดับอนุบาล 3 จำนวน 10 คน ในทีมชักเย่อ “ดรีมทีม” ที่ฝึกซ้อมแข่งขันกีฬาอนุบาลแห่งชาติ ครั้งที่ 18
แต่แล้วเส้นบาง ๆ คั่นระหว่าง ฮีโร่ กับ ตัวสำรอง เกิดขึ้น เพราะกติกาแข่งขันกำหนดนักกีฬาไว้เพียง 9 คน หมายถึง 1 ใน 10 ของ ดรีมทีม ต้องนั่งเก้าอี้สำรอง !
ร่วมลุ้นไปกับสุดยอดเกมส์กีฬาครั้งแรกในชีวิตเด็ก 5 ขวบ 10 คน “ดรีมทีม” แก๊งส์นักกีฬาเด็กอนุบาลแสบซน ที่ทั้งโค้ช ครู พ่อแม่ กองเชียร์ฝากความหวังกันซะเต็มเหนี่ยว เชียร์กันเต็มสตรีม
เกมส์นี้ ห้ามแพ้
ใคร(ฟ่ะ) ว่า กีฬามีแพ้ มีชนะ...
เรื่องย่อ ( Synopsis )
เป็นโค้ชทีมฟุตบอล กีฬาสุดเท่ห์อยู่แท้ๆ “โค้ชเบิร์ด” (กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ) กลับถูก “ครูหนูเล็ก” (โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร) ชักชวน แกม (แม่) บังคับ ให้ช่วยมาเป็นโค้ชชักเย่อเด็กอนุบาล ลงแข่ง“กีฬาอนุบาลแห่งชาติ”ครั้งที่ 18
“หัวแก้ว” (ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข - คาร์บิว) รวมเพื่อน ๆ ตั้งทีม “ดรีมทีม” เพื่อแข่งชักเย่อ คุณพ่อของหัวแก้ว (อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน) คุณพ่อรุ่นใหม่ งานต้องทำ แต่อยากให้ลูกชายแข็งแรง จึงผลักดันให้เล่นกีฬาเต็มที่
“เป๊ะ” (ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม - น้องเป๊ะ) กับคุณแม่ยุคใหม่ (เมย์ ภัทรวรินทร์) ทำงานเลี้ยงลูกลำพัง แม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเป๊ะมากนัก ความหวังของเป๊ะคือ อยากให้แม่มาดูตัวเองแข่งชักเย่อ
“เซน 1” (ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ - น้องเซน) ร่างตุ้ยนุ้ย หน้าตาน่าหยิก มีหม่าม้า (จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) ผลักดันสุดฤทธิ์ ให้เซน 1 เป็นหัวหน้าทีม จ้ำม่ำแรงดีแบบนี้ ทำไม๊ ทำไม ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม
“เซน2” (ด.ช. ธนกร เมธาวุฒิกีรติ — น้องเซนต์) คุณพ่อเป็นด็อกเตอร์ความรู้เยอะ (คมสัน นันทจิต) นักวิทยาศาสตร์ไอคิวสูง พกเอาความเป็นเลิศทุกด้านมาให้ เซน 2 ไม่เว้นแม้กระทั่งแข่งชักเย่อ ก็ห้ามแพ้
“ภูมิ” (ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ — น้องภูมิ) รูปร่างผอมบาง หน้าตาดูขี้โรค ลูกของคู่ผัว-เมียพูดมาก (ศรีพรรณ บุนนาค / ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์) ภูมิ เป็นเด็ก หัวอ่อน ว่าง่าย ใครบอกให้เป็นอะไรก็เป็น แม่บอกเป็นอีสุกอีใส ภูมิก็เป็น แต่พอเพื่อนบอกเป็นเอดส์ ภูมิก็ว่า ภูมิเป็น !!!
“อะตอม” (ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข — น้องตี่ตี๋) หล่อใสหัวหยิก เรี่ยวแรงดี แต่ตื่นเต้นเป็นไม่ได้ ขี้แตกทุกที คุณพ่อของอะตอม (เอกราช เก่งทุกทาง) ต้องเตรียมกางเกงไว้ให้เปลี่ยนเสมอ เสียอย่างเดียว มักเป็นกางเกงสีแดง สะดุดตาตัวเก่ง
แก๊งส์ “ดรีมทีม” กองหลังร่วมด้วยหัวหน้าทีม “ริชชี่” (ด.ช. ศุภโชติ รัชวรพงศ์ — น้องริชชี่) “เจ็ส” (ด.ช. เจษฎาพร บุญสอน — น้องเจ็ส) “จุ้ย” (ด.ช. พชธกร ธนพัฒนากุล - น้องจุ้ย) และ“สตางค์” (ด.ช.อัจฉริยะ อุปการดี — น้องสตางค์)
แต่แล้วเส้นบาง ๆ คั่นระหว่าง ฮีโร่ กับ ตัวสำรอง เกิดขึ้น เพราะกติกาแข่งขันกำหนดนักกีฬาไว้เพียง 9 คน หมายถึง 1 ใน 10 ของ ดรีมทีม ต้องนั่งเก้าอี้สำรอง ! พ่อแม่ของเด็ก ๆ ต่างก็ลุ้นสุดโก่ง “โค้ชเบิร์ด” จะตัดสินใจอย่างไร?? “ครูหนูเล็ก” จะตอบคำถามเหล่าผู้ปกครองอย่างไร?
ทั้งโค้ช ครู พ่อแม่ กองเชียร์ฝากคาดหวังกันซะเต็มเหนี่ยว เชียร์กันเต็มสตรีม ไว้กับ 2แขนเล็กๆ ของ “ดรีมทีม” อายุ 5 ขวบเนี้ยนะ!
ใคร (ฟ่ะ) ว่ากีฬามีแพ้ มีชนะ...
ทุกโรงภาพยนตร์ 3 เมษายน 2551 “ดรีมทีม” เกมส์นี้มีลุ้น ฟันธง!!
“ดรีมทีม” เกมส์เล็ก หัวใจใหญ่!!!
เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่ฝากผลงานโดดเด่นด้านกำกับฯ นักแสดงกลุ่มได้ยอดเยี่ยม อย่าง “เมล์นรก หมวยยกล้อ”, “อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม”, “โกลคลับ เกมล้มโต๊ะ ฯลฯ ล้วนแต่โดดเด่นกับการทำงานกับเหล่านักแสดงกลุ่มให้เป็นทีมเวิร์คได้อย่างดี
แต่เหตุผลใดเล่า เรียว กิตติกร หยิบโปรเจคหนัง ที่มีนักแสดงนำอายุน้อยแค่ 5 ขวบ มาเป็นทีมถึง 10 คน ใน “ดรีมทีม”ภาพยนตร์ใหม่ล่าสุด งานนี้จึงไม่ธรรมดา...
ดูท่า ชีวิตผู้กำกับฯ คงสบายเกินไปเป็นแน่ (ฮา)
“ส่วนตัวอยากดูหนังเรื่องนี้มากเลย พอดี ไม่มีคนทำ งั้นตูทำเอง เพราะจะได้ดู (หัวเราะ) เคยไปดู งานกีฬาอนุบาล กทม. มา เรานึกในใจ เป็นหนังมันต้องสนุก แล้วเรารู้สึกว่า มันมีเรื่องเล่าเยอะเลยในการแข่งขันเกมส์ๆ หนึ่ง เราเคยเล่นกีฬาระบบทีมมา ก็สะดุดประเด็น ว่า 10 คนเอา 9 คน มันจะเป็นยังไง ในความเป็นทีมเวิร์ค แล้วถ้าเป็นเด็กอนุบาลด้วย มันจะเป็นยังไง มันมีเรื่องพ่อแม่ เรื่องครู โค้ช ความคาดหวังเยอะแยะไปหมดพ่วงมาด้วย
ยิ่งสืบค้น กีฬาชักเย่อ สืบ ๆ ประวัติไปก็ยิ่งน่าสนใจว่า เป็นนันทนาการ หรือ กีฬาแข่งขัน แล้วการค้นเรื่อง ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ กายภาพในการชักเย่อ เป็นเรื่องเป็นราวไว้ด้วย เอ๊ะ... ฟิสิกส์การชักเย่อมีจริงด้วย เราก็มองว่าน่าสนใจ เป็นเหตุผลว่า ทำไม ทีมตัวเล็กกว่าถึงชนะตัวใหญ่ได้ เพราะมันมีหลักวิทยาศาสตร์ เทคนิคกีฬาประกอบด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องใจสู้อย่างเดียวแล้ว ยิ่งศึกษาดูก็น่าสนุก
การทำงาน “ดรีมทีม” ทำให้เราได้ใกล้ชิด ได้เห็น ได้เข้าใจเด็กอย่างที่เด็กเป็น ซึ่งย้ำสิ่งที่เราพูดเสมอๆว่า ความพร้อมของเด็กมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ มันมาตอนไหนก็ไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิต
พยายามจะบอกว่า อย่าไปคาดหวังกับเด็กเลย เด็กทุกคนมีวิถีชีวิตของเขาเอง เด็กเหมือนการแข่งขันกีฬาน่ะ เราก็เตรียมให้ดีที่สุด แต่คาดหวังผลไม่ได้ แต่ลุ้นได้ ลุ้นสนุกด้วย”
ประวัติผู้กำกับภาพยนตร์ (เรียว — กิตติกร เลียวศิริกุล)
ผลงานการกำกับภาพยนตร์
2542 18-80 เพื่อนซี้ ไม่มีซั้ว
2542 ปาฏิหาริย์ โอม-สมหวัง
2544 Goal Club เกมล้มโต๊ะ
2545 พรางชมพู
2548 เดอะเมีย
2548 อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม
2550 เมล์นรก หมวยยกล้อ
2551 ดรีมทีม
เกมส์นี้ มีฮา : 5 ขวบ สู้สุดใจ!!!
จันทิมา เลียวศิริกุล (เอมี่) โปรดิวเซอร์มือหนึ่งค่ายอาวอง คุณแม่ลูกชายสองคนตอบรับไอเดีย หนังกีฬาเด็กอนุบาล ที่มาพร้อมกับความสนุก กวน ๆ มีลุ้น มีฮา ส่วนจะจบได้เฮ หรือ ได้โฮ นั้น ต้องรอลุ้นกันในโรงหนัง
“ใช่ ชอบไอเดียหนังที่ถ่ายทอดเรื่องด้วยสายตาเด็ก จับหัวใจความเป็นเด็กจริง ๆ เด็กจะซน จะเซี้ยวก็เด็กจริงๆ เป็นเด็ก 5 ขวบแต่สู้สุดใจ แข่งกีฬากันอย่างจริงจัง แต่เด็กก็คือเด็ก มันแข่งเอาจริงเอาจังนะ แต่เปิดเรื่องมาก็ต่อยไข่โค้ชแล้ว แข่งกีฬามีแพ้ มีชนะ แต่ผู้ใหญ่คนเดียว โดนเด็กรุมเป็น 10 คน นึกภาพเป็นหนังสนุก น่ารักไปกับความแก่นเซี้ยวของเด็ก ต่อให้แข่งกันจริงจังขนาดไหน เด็กก็คือเด็ก ความมั่วของเด็ก แข่งบ้าง ร้องไห้บ้าง ลุ้นบ้าง ขำบ้าง นักกีฬาคนไหนจะได้ลงแข่ง คนไหนจะร้องไห้ ทีมนี้ ทีมนั้น ใครจะชนะไหม? เป็นหนังกีฬาที่มีอารมณ์ตลกแบบใสๆ
ไม่รู้นะ เราไม่เคยเห็นหนังไทยแนวนี้มาก่อน หนังที่ใช้เด็กเล็กขนาดนี้ เยอะจำนวนขนาดนี้ แล้วมาถ่ายทอด บันทึกเก็บความเป็นเด็กแบบ ประชิดตัวกันเลย จับอารมณ์เด็กเรียลลิสต์ขนาดนี้
ตัวเราเองพอใกล้ชิดเด็กก็รัก ได้เห็นความน่ารัก เห็นแง่มุม ก็คิดว่า ผู้ใหญ่คนอื่นก็น่าจะมาเห็นบ้าง ความสนุก ความสดใส บริสุทธิ์ แต่ก็มีความแสบ ซนอย่างที่ เด็กๆ เขาเป็นจริงๆ เป็นความตลก สนุก สดใส ที่ผู้ใหญ่เราๆ ก็อาจจะลืมไปแล้ว พอได้ดูแล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่า ใช่....เราก็เคยรู้สึกอย่างนี้ เราเข้าใจมันนะ
เด็กอยากแข่งกีฬา ก็คิดแค่มาแข่ง แต่ผู้ใหญ่จะมองเด็กแบบไหน จริง ๆ มันแอบมีเรื่องราว พ่อแม่ยุคใหม่มองลูกแบบไหน มองเขาอย่างที่เขาเป็น หรือมองเขาอย่างที่เราอยากให้เป็น”
Profile จันทิมา เลียวศิริกุล (โปรดิวเซอร์- ดูแลงานสร้าง)
ผลงานภาพยนตร์ดูแลงานสร้าง
- พ.ศ.2544 มือปืน/โลก/พระ/จัน, ผีสามบาท
- พ.ศ.2546 พันธ์ร็อกหน้าย่น, สังหรณ์
- พ.ศ.2547 ซาไกยูไนเต็ด
- พ.ศ.2548 จอมขมังเวทย์, เดอะเมีย, อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม
- พ.ศ.2549 ผีเสื้อสมุทร, รักจัง, ผีคนเป็น, แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า
- พ.ศ.2550 ผีไม้จิ้มฟัน, เมล์นรก หมวยยกล้อ, รักนะ 24 ชม., บ้านผีสิง, โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า
- พ.ศ.2551 ดรีมทีม
“5 ขวบ” VS “รุ่นใหญ่”
ใครหนอ ยกธงขาว!!!
เพื่อจะบันทึกความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง บวกกับความน่ารักของเด็กๆ แนวการทำงานของภาพยนตร์เรื่อง “ดรีมทีม” จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การไปค้นหาเด็กๆ จากโรงเรียนอนุบาล และถ่ายทำเรียงลำดับเหตุการณ์ ปล่อยให้นักแสดงเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับฯ ระบายความรักเด็ก (ฮา) ... “ดรีมทีม” ว่า
“ตอนนึกอยากดูหนัง น่าจะสนุก แต่ตอนทำคงไม่สนุก คือ การถ่ายเด็ก 5 ขวบ ไม่ใช่เรื่องง่าย สภาพเด็ก บวกความซน ต้องพิถีพิถัน ตั้งแต่เลือกทีมงานให้น้อยที่สุด คนที่ทนเด็กได้ ใจเย็น ต้องทำงานกับเด็ก ต้องสนุกได้กับเด็ก ทำงานเรื่องนี้ เหมือนเรามีลูกเพิ่มมา 10 คน เตรียมใจว่า งานจะหนักในการบริหารเด็ก การเอาเด็กมาเข้าหน้าเซต ทำอย่างไรเด็กจะเข้าใจว่า พร้อมถ่ายทำ นี่จึงเป็นเรื่องยากของทีมงาน”
เป็นความตั้งใจของ ผู้กำกับฯ ที่จะไม่เลือกเด็กจากโมเดลลิ่ง
“เราไม่เลือกเด็กโมเดลลิ่ง เด็กที่ฝึกการแสดงมา ด้วยเหตุผล 2 - 3 อย่าง คือเพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ ถูกปั้นแต่งแล้ว แนวคิดที่จะทำหนังของเราคือ ปล่อยให้เด็กเป็นธรรมชาติมากที่สุด ล้อมกรอบให้น้อยที่สุด เด็กเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น
เราเลือกเด็กหลากหลาย ต่างระดับ ต่างโรงเรียน ต่างพื้นฐาน แต่อยู่ในเกณฑ์อายุ 5-6 ขวบ เด็ก 5 ขวบเป็นช่วงกำลังซน เริ่มพูด เริ่มรู้เรื่อง หาเด็กเผื่อเป็นหนังกีฬาด้วยนะ นอกจากเด็กที่เล่นหนังได้ ต้องมีเด็กที่เล่นกีฬาได้ด้วย มีทักษะด้านกีฬา ใช้มือ แขน ขาได้พร้อมหรือยัง
หน้าตาก็มีส่วน แต่ไม่ใช่เรื่องหน้าตาดี เป็นเรื่องรัศมีดารา เด็กบางคน ร้องไห้เราเฉยๆ แต่เด็กบางคนแค่แบะ จะร้องไห้ เราก็สงสาร รีบโอ๋ อันนี้ก็มีส่วน
โปรดักชั่น 4-5 เดือน เสียเวลาไปกับการทำความเข้าใจเด็ก เป็นประเด็นหลักเลย ทำอย่างไรเด็กถึงเล่นหนังได้ เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจเด็ก ซึ่งแต่ละวันไม่เหมือนกัน แต่จากประสบการณ์ลูกเราเองด้วยส่วนหนึ่ง เรียนรู้จากเด็ก 10 คนด้วยส่วนหนึ่ง”
ชาญศักดิ์ ลีลาเกษมสันต์ (เอี๋ยม) ผู้ช่วยผู้กำกับฯ และโค้ชแอ็คติ้ง รับหน้าที่ดูแลการแสดงของเหล่าเด็กๆตัวน้อย “ดรีมทีม” สุดแสบซน อธิบายเส้นทางการคัดสรรนักแสดงเด็ก จนถึงกลยุทธ์ในการหลอกล่อเด็กๆ ในกองถ่าย
“คัดเลือกเด็กไม่ได้เริ่มดูจากหน้าตา แต่หาเด็กมีคาแร็คเตอร์ ในบรรดาโรงเรียนอนุบาลที่ทีมงานไปตระเวนดู เด็กเป็นร้อยๆ คน เด็กมีคาแร็คเตอร์นี่ เห็นกันแว่บแรกแว่บเดียวรู้ได้เลย
ทีมงานเราแบ่งสายกันไปตามโรงเรียนอนุบาล แล้วทุกเย็นเอารูปเด็กมารวมกัน คัดเด็กออก ก็เป็นการแคสเด็กที่เยอะมาก มากกว่า 3,000 คน รวมที่เรียกโมเดลลิ่งมาด้วย อีกกว่า 600 คน เพื่อหาให้ได้เพียง 10 คนนี้ ในรอบ 1 เดือนเต็มๆ เพื่อหาเด็ก“ดรีมทีม” ที่ต้องรับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้
เราก็มองมุมเด็กแต่ละคน ว่ามีวิธีการพูดอย่างไร มีข้อได้เปรียบ เสียเปรียบแต่ละคนที่ตรงจุดไหนบ้าง วิธีการพูดแต่ละคนอย่างไร ให้เป็นไปโดยธรรมชาติ มันเหมือนเราเลี้ยงเค้า เป็นลูกหลานที่เราต้องดูแลแล้ว ส่วนหนึ่งคือทำงาน แต่อีกส่วนคือ ดูแลให้เขาแข็งแรงขึ้น โตขึ้น เรียนรู้มากขึ้น เด็กแต่ละคน มากันต่างที่ ต่างครอบครัว ต่างโรงเรียน ต่างสภาพแวดล้อม บางคนมารวมกันแล้วเข้ากันไม่ได้ เราก็ต้องพยายามจูนให้เข้าเป็นกลุ่มเป็นทีมเดียวกันให้ได้
จุดประสงค์ของเรา ไม่ได้หาเด็กแล้วมาฝึกให้เล่นได้ เราไม่ได้เอาเด็กมาทำให้ได้อย่างที่เราอยากให้เป็น แต่ทีมงานเราจะพร้อมที่จะบิดตัวเองให้เป็นอย่างที่เด็กเป็น
การกำกับฯ เด็กมันวัดผลไม่ได้ว่า วิธีไหนใช้ได้กับใคร มันต้องลองไปเรื่อยๆ ถ้าลองไปแล้วยังไม่ใช่ก็เปลี่ยนทันที คือ การบ้านเราคือ ค้นหา inner ภายในของเด็ก แต่เราทำการบ้านก่อนล่วงหน้าไม่ได้ อารมณ์เด็กแต่ละวันมันไม่เหมือนกัน
เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่บังคับไม่ได้ สิ่งที่เรากลัวที่สุด คือ กลัวเด็กเบื่อกองถ่าย ไม่ยอมมา เราก็ต้องปล่อยไปก่อน บังคับไม่ได้ ให้เขาสนุกกับกองถ่าย แต่เราโชคดีที่เราได้เด็ก 5 ขวบที่อดทนกับคน อดทนกับบรรยากาศกองถ่ายได้ เราโชคดีได้เด็กทั้ง 10 คนนี้ เด็กที่พ่อแม่เข้าใจ จึงกลายเป็นจุดแข็งของทีมนี้
หนัง “ดรีมทีม” ไม่มีหลอกถ่าย ถ่ายจริงๆหมด เด็กๆ เป็นนักแสดงหมด เพียงแต่ถ่ายแล้วเทคไหนใช้ได้ เทคแรก หรือ ต้องถ่ายใหม่อีกวันหนึ่ง เด็กที่เราเห็นพัฒนาการ เข้าใจการแสดงอย่างเห็นได้ชัดคือ เป๊ะ นี่เข้าใจสุดๆ ส่วนคาร์บิวนี่เข้าใจจังหวะรีแอ็คชั่น”
ส่วนคำถามว่า ถ้าให้เกรดวัด มาตรฐานความซนของเด็ก “ดรีมทีม” แล้ว โค้ชแอ็คติ้ง ผู้ควบคุมเด็กให้คะแนนความซนเด็กๆ เท่าไร
“โอ้โหเลยน่ะ ผมให้ เกรด A+ เลย ยังมีอีกหลายๆ มุมที่ไม่มีใครเจอ ผมเจออยู่คนเดียว สารพัดวิธี เช้าๆ ต้องเช็คแล้วว่า มาจากบ้านอารมณ์ไหน วัดไม่ได้เลยว่า ใครแสบสุด แต่ละวันเราต้องเจอตอนเช้าเลย ถึงจะรู้ดัชนีชี้วัด ตอนเด็กตื่นมาเราก็เริ่มผจญภัยกันเลย”
กว่าจะบันทึก ความบริสุทธิ์ ใสซื่อที่เป็นธรรมชาติของเด็กได้ ทีมงานต้องใช้ทั้งจิตวิทยา ขนมหลอกล่อ รวมถึงบางวัน ต้องอาศัย คุณแม่มากองถ่ายจะช่วยเพิ่มพลังการถ่ายทำ เรียว กิตติกร ย้ำวิธีการให้ได้ความเป็นเด็กจริงๆ ก็ต้องปล่อยให้เด็ก เป็นธรรมชาติที่สุด
“เบื้องหลังหนัง “ดรีมทีม” สนุกมาก 24 ชั่วโมง ดูซิ เด็กอนุบาล พวกนี้ทำอะไร ทำงานกับเด็กเหลี่ยมมันเยอะมาก ทุกวันที่ถ่ายหนังมีเรื่องสนุก เรื่องปวดหัว มีเรื่องมาทุกวัน
ถ่ายๆ หนังไปเด็กก็ไม่คิดหรอกว่า นี่กำลังถ่ายหนัง เพราะทุกอย่างตรงหน้าเด็กคือเรื่องจริง ช่วงแข่งชักเย่อ เราถ่ายเทคเดียวตลอด เราไม่เคยเทคเด็กนะ เด็กก็สู้ตาย ไม่อยากแพ้ไง ไม่อยากเป็นที่โหล่
ต้องบอกว่า หนังเป็นอย่างที่เด็ก 5 ขวบ “ดรีมทีม” เค้าเป็นนั่นล่ะ เด็กดรีมทีม พวกนี้ล่ะ ที่จะทำให้หนังเป็นไปตามที่พวกเขาเป็น หนังมันจะตลก จะกีฬา จะลุ้นไม่ลุ้น ก็เพราะพวกเด็กดรีมทีมนี่ล่ะ
ทางเดียวที่จะเห็นเสน่ห์เด็กพวกนี้ คือ ล้อมกรอบให้น้อยที่สุด ไม่จำกัดสิ่งที่จะเกิดขึ้น เรียลลิตี้กันเลย(ฮา)”
นอกจากไม่เลือกใช้เด็กจากโมเดลลิ่ง การถ่ายทำก็ถ่ายเรียงลำดับเหตุการณ์ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกสับสน เริ่มตั้งแต่ฟอร์มทีม ฝึกซ้อม จนถึงวันแข่งขัน กีฬาอนุบาลแห่งชาติ ที่ยิมเนเซียม 6 สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ซึ่งการถ่ายทำฉากใหญ่ ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงเรียนอนุบาล 10 แห่งมาร่วมแข่งขันกับทีม
“ดรีมทีม”
อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน นักแสดงที่เพิ่งร่วมงานกับ เรียว กิตติกร เป็นครั้งแรก เล่าความรู้สึกของการถ่ายทำฉากแข่งขันกีฬาอนุบาลแห่งชาติ
“ถ่ายฉากแข่งขันอลังการมาก เด็กอนุบาลจาก 10 โรงเรียน พันกว่าคนมารวมอยู่ในยิมเนเซียม ตอนแรกเคยนึกในใจว่า หนังมันจะยังไงนะ ถ่ายกันในโรงเรียนอนุบาล มีที่บ้านนิดหน่อย แต่พอมาเห็นฉากใหญ่ โอโอ้พี่!! บึ้มมาก ทำให้บรรยากาศและอารมณ์ร่วมของเด็กเกิดขึ้นกันจริงๆ ที่ตรงนั้น เราสัมผัสได้ว่า ถึงอารมณ์จริงๆ เด็กบางคนถึงกับร้องไห้ บางคนถึงกับไม่ยอมกัน เพราะนึกว่าจริง
เด็กดรีมทีมเวลาแพ้ ก็ปอดกันไปจริงๆ เลย มีเศร้า มีซึมแบบหงอยๆกันไป แต่ก็มีน้องเซน 1 ที่คอยบิ้วท์และปลอบเพื่อนๆ ในทีมให้กำลังใจกัน เป็นความสดที่น่ารัก เราได้เห็นถึงความตั้งใจของผู้กำกับฯ เลยครับ หนังที่เราเห็นว่าเล็กๆ แต่เอาเข้าจริงๆ มันใหญ่มาก”
ฉากแข่งขัน ตอนที่เด็กๆ แข่งชักเย่อกัน เราก็สนุกไปด้วย ดูทีมโน้น ตัวใหญ่จัง ความแตกต่างของแต่ละทีม กองเชียร์แต่ละทีม บางทีมมาเป็นรุ้งเลย บางทีมมาเป็นศาลพระภูมิเลย ความเป็นเด็ก บริสุทธิ์จริงๆ น่ารักมาก”
คาแร็คเตอร์
โค้ชเบิร์ด รับบทโดย เกียรติ กิจเจริญ (กิ๊ก)
อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลสมถวิล พระโขนง
“โค้ชเบิร์ด” มีอาชีพเป็นโค้ชฟุตบอล เป็นโค้ชฟุตบอลกีฬาสุดฮิปอยู่แท้ๆ จู่วันหนึ่งก็ถูกชวน แกม (แม่) บังคับให้มาอยู่ในตำแหน่ง โค้ชชักเย่อเด็กอนุบาล ที่ใครๆ ก็มาฝากความหวัง และความกดดันให้ชีวิตที่เคยสงบสุขของโค้ชเบิร์ดก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะความแสบแสนซนของเหล่าบรรดาเด็ก ๆ และผู้ปกครอง
กิ๊ก — เกียรติ กิจเจริญ ให้คำจำกัดความหนังเรื่อง “ดรีมทีม” ได้อย่างน่าสนใจว่า “เป็นหนังเด็กอย่างเดียวมันก็ไม่เชิงนะ มันเกี่ยวกับความใฝ่ฝันของเด็ก ความต้องการของเด็กที่จะแข่งขัน สุดท้ายกลายเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ความคิดมันเริ่มต้นจากเด็ก สุดท้ายหนังก็บอกว่า เด็กเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่แฮปปี้ บางทีคนที่กดดันน่าจะเป็นพ่อแม่มากกว่า เด็กกับผู้ใหญ่แยกกันไม่ออกหรอก มันเป็นครอบครัว เป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก สุดท้ายก็เป็นหนังครอบครัว คือดูกันทั้งครอบครัว ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอาลุง พ่อแม่ดูก็ได้คิดอย่างหนึ่ง เด็กดูก็เฮฮาไป วัยรุ่นดูก็เห็นความกวนของนักแสดงเด็ก เวลาเด็กๆ แข่งขันกีฬา เขาแค่อยากอยู่ในทีม เรื่องอยากชนะ คงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของเด็ก แต่พ่อแม่หลายๆ คนก็หลายๆแบบ”
“สิ่งที่พี่สนใจแรกเริ่มในหนังเรื่องนี้ คือ การเล่นกับเด็กๆ พี่ก็อยากรู้ว่า จะเล่นยังไงกับเด็ก 10 คน พี่ก็รู้สึกได้ว่า มันคงยากจริงๆ กำกับฯ เด็กก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งใช้เด็กอนุบาลจริงๆ แต่มันก็ได้เด็กอีกแบบ ได้ความรู้สึกจริงๆ ของเขา
มีเรื่องสนุกทุกวัน ตั้งแต่วันแรก ปกติพี่ชอบเด็ก แต่เยอะขนาดนี้ไม่ไหว (หัวเราะ) เจอวันแรกมันก็ต่อยไข่แล้ว” กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ เผยความรู้สึก เมื่อพบ “ดรีมทีม”
คำถามสุดท้าย พี่กิ๊กชอบเด็กคนไหน มากสุด?
เอาเกลียดสุดได้มั้ย ??? (หัวเราะ)”
Prpfile
ชื่อ เกียรติ กิจเจริญ (กิ๊ก) วันเกิด 22 กันยายน 2506
การศึกษา : ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2524
ประวัติการทำงาน : เป็นที่รู้จักในชื่อ “ซูโม่กิ๊ก” จาก “เพชรฆาตความเครียด” มีผลงานแสดงภาพยนตร์มากมาย ยุค กลิ่นสีและกาวแป้ง, บุญชู ทุกๆ ภาค, บ้านผีปอบ และยังได้รับบทพระเอกเต็มตัวในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ผลุบโผล่ และ ฉลุย โครงการ 2 นับรวม ๆ แล้วมีผลงานแสดงภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง ได้ร่วมงานกับ เรียว กิตติกร ผู้กำกับภาพยนตร์ เป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก “เมล์นรก หมวยยกล้อ”
ปัจจุบัน : ก่อตั้งและเป็นผู้บริหาร บริษัท ทริปเปิ้ล ทู จำกัด พิธีกรรายการ วันวานยังหวานอยู่, คันปาก
ครูหนูเล็ก รับบทโดย ศกลรัตน์ วรอุไร (โฟร์)
อนุบาลก็เคยเรียน : โรงเรียนอนุบาลลาซาล
ครูอนุบาลสาวสวย ประจำชั้น อนุบาล 3 อายุสักประมาณ 23 ปี คล่องแคล่วว่องไว มั่นใจ มุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจ พูดตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ยอมแพ้อุปสรรค ผจญปัญหาทุกรุ่น ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก ยันรุ่นใหญ่
“โฟร์เจอ คาร์บิว คนแรก วันแรกเจอคนเดียว เออ... น่ารักดีนะ ไม่ดื้อ ยิ้มน่ารัก พอเจอ เซน 1 ตัวอ้วน น่ารักดีเนอะ พอเจอ 10 คนพร้อมกันปุ๊บ แล้วไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เราก็นั่งดูว่า เด็กแต่ละคนเป็นยังไง เราก็นั่งดูเด็ก แป๊บหนึ่ง หันไปถามพี่ทีมงาน แล้วจะเล่นได้หรือเนี้ย (หัวเราะ)
ตอนแรกเราก็แกล้งเด็ก พอตอนหลังๆ ทีมงานให้โฟร์วางฟอร์มว่า เป็นครู ให้นิ่งๆ อย่าไปเล่นกับเด็กมาก เด็กจะไม่กลัว โฟร์ก็ทำตัวนิ่งๆ แต่ตอนนี้ ท่าทางจะโดนเด็กแกล้ง หลังๆ เด็กๆไม่กลัวแล้ว
ฉากที่อุ้มน้องมาชิ น้องร้องไห้เพราะหลับอยู่แล้วไปปลุกมา ก็เลยร้องไห้ บวกกับไม่ยอมให้โฟร์อุ้ม ใครมาให้อุ้มหมด ยกเว้นโฟร์ แม่บอกเขาเขินผู้หญิงสวย เราก็เลยไม่รู้ว่า เราสวยหรือเด็กเกลียด (ฮ่า) แล้วโฟร์ก็อุ้มเด็กไม่ค่อยเป็น ไม่เคยมีหลาน ไม่ค่อยได้อุ้ม แล้วต้องอุ้มมือเดียวเลยนะ เกร็งแขนมาก ปวดแขนเลย
เรื่องนี้เป็นหนังที่ไม่ใช่ดูได้เฉพาะแค่เด็กกับพ่อแม่ แต่วัยรุ่นก็ดูได้ เป็นหนังตลกแนวสะอาด ใสๆ สนุกๆ ดูสบายๆ แบบอิ่มๆ โฟร์ว่าน่าดูมากนะ แบบเด็ก 5 ขวบจะเล่นได้เหรอ???”
Profile
ชื่อ ศกลรัตน์ วรอุไร (โฟร์)
วันเกิด 25 ตุลาคม 2529 น้ำหนัก 39-40 กก. ส่วนสูง 165 ซม.
พี่น้อง พี่สาว 2คน พี่ชาย1 คน
ผลงาน ออกอัลบั้มเพลงในชื่อ วงดูโอ้ “โฟร์-มด”
ปัจจุบันเรียนที่ มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชา การประชาสัมพันธ์ ปี 2
สัตว์เลี้ยง สุนัขชื่อ Money
“น้องหัวแก้ว” รับบทโดย ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข (น้องคาร์บิว)
เด็กชายอนุบาล 3 ขี้โรควัย 5 ขวบ รูปร่างผอม ดูอ่อนแอ ประกอบกับตัวเล็ก หน้าตาใสซื่อเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณพ่อเป็นหนุ่มยุคใหม่ ทำงานเลี้ยงลูกเพียงลำพัง อยากให้ “หัวแก้ว” สุขภาพแข็งแรง และมีสังคมกับเพื่อน จึงหนุนสุดตัว ให้หัวแก้วได้เล่นกีฬา
อัมรินทร์ นิติพน (อ่ำ) รับบท “ขวด” พ่อน้องหัวแก้ว
อนุบาลก็เคยเรียน : อนุบาลสารินันทน์ศึกษา
“เป็นพ่อยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกชายเอง แต่ลูกชายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เราก็เลยทั้งผลักทั้งดัน สนับสนุนเต็มที่อยากให้ลูกเล่นกีฬา
ลูกชายผม หน้าเหมือนอาแปะ ออกจีนๆ หน่อย ในเรื่องชื่อ หัวแก้ว แต่ตัวจริงชื่อ คาร์บิว เจอกันวันแรกก็แปลกใจ น้องคาร์บิวเป็นเด็ก 5 ขวบที่เก่งนะ เล่นได้ขนาดนี้ รู้จักการพูด ทำตามผู้กำกับฯ ทั้งๆที่เด็กวัยนี้ น่าจะเอาแต่เล่น เด็กๆ ดรีมทีมน่ะครับ เก่งกันทุกคนเลย”
หลังจากทำงานกับเด็ก “ดรีมทีม” อ่ำอยากบอกอะไร?
“อยากบอกว่า มีลูกสาวดีกว่าครับ (หัวเราะ) เด็กผู้ชายซนมากครับ”
ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข (น้องคาร์บิว) รับบท หัวแก้ว
วันเกิด 3 พ.ค. 2545 อายุ 5 ขวบ
การศึกษา อนุบาล 3 ชื่นชอบ : หุ่นยนต์ / การ์ตูน ความสามารถพิเศษ : ชอบเต้น
อาหารโปรด ข้าวผัด, ไข่เจียว กีฬาโปรด ฟุตบอล
ตี๋เล็ก น้องคนสุดท้องของบ้าน นิสัยขี้น้อยใจ อารมณ์ติสต์นิดๆ ชอบปลีกวิเวก มีโลกส่วนตัว วาดรูป ระบายสีอยู่เงียบๆ ไม้เด็ดอยู่ที่ทำตาเศร้านิ่งๆ หงอยๆ ดูน่าสงสารเป็นที่สุด ยามว่างชอบขี่จักรยาน ฮีโร่สุดโปรด คือ เบน 10 แต่หนูน้อย คาร์บิว ใส่วิญญาณนักแสดงได้เมื่อได้ยินเสียงสั่งแอ็คชั่นของผู้กำกับฯ ปัญหาเดียว คือ อย่าให้คาร์บิวต้องนั่งตำแหน่ง ที่โหล่ สุดท้ายของทีม เพราะคาร์บิวพาลจะไม่ยอมแสดง ทำคอตก ทิ้งตัวนิ่ง ออกอารมณ์เศร้าจริงๆ จนต้องป่วนไปทั้งกองถ่าย ทีมงานต้องหาทางอธิบายให้คาร์บิวเข้าใจ
คาร์บิว เป็นเด็กอ้อนแม่ ติดแม่มาก พลังการแสดงแต่ละวันขึ้นอยู่กับว่า แม่มากองถ่ายหรือเปล่า?? และพลังการแสดงจะเพิ่มเป็นพิเศษ ถ้าวันนั้น นอกจาก แม่มาแล้วยังมี เหลาอี้ อาม่า มาเชียร์ด้วย (555)
“เป๊ะ” รับบทโดย ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม (น้องเป๊ะ)
เด็กชายอนุบาล 3 วัย 5 ขวบ เป็นตัวของตัวเองสูง ติดทีวี ดูเผินๆ เป็นเด็กแสบจอมซน แต่เพราะ เป๊ะอยู่กับคุณแม่ที่ทำงานยุ่ง และต้องดูแลเป๊ะเพียงลำพัง แม่จึงไม่ค่อยมีเวลาให้ จริงๆ แล้ว ในขณะที่ทุกคนลุ้นผลแพ้ชนะ แต่เป๊ะกลับลุ้นสุดใจว่า แม่จะว่าง มาดู เป๊ะแข่งชักเย่อบ้างมั้ยนะ???
ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (เม) รับบท แม่น้องเป๊ะ
“เป็นคุณแม่ทำงานน่ะค่ะ Working Woman ผู้หญิงทั่วไป ไม่มีสามีมาคอยดูแลแล้วก็เลยต้องตั้งใจทำงาน เพื่อลูก
เป๊ะเค้าเป็นเด็กที่แสดงได้เป็นธรรมชาติมาก คือเค้าจะไม่ห่วงกล้อง เป็นธรรมชาติมากๆ แล้วเราเล่นกับเค้าจะมีความสุข เค้ามีเกร็งๆ บ้าง ลืมบ้าง แต่ช่วยกัน เด็กเค้าเล่นด้วยความรู้สึกและเค้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
มีซีนหนักๆ เป๊ะจะกลัวไปเลย เพราะไปดุเค้า ซึ่งเรื่องนี้เราผิดเอง เพราะว่าตอนที่ซ้อมเราไม่ได้เล่นจริง แต่พอ 5 4 3 2 แล้วเล่นจริง เค้าก็ตกใจร้องไห้ไปเลย ลืมคิดไปว่าเค้ายังเป็นเด็ก เราชินกับการเล่นกับผู้ใหญ่ แต่นี่เด็ก แล้วยังไม่เคยเล่นหนังมาก่อนด้วย น้องเค้าก็ตกใจร้องไห้เลย
เมโชคดีที่ทำงานเรื่องนี้เจอกับเป๊ะแค่คนเดียว แต่ถ้าต้องเจอ เป๊ะ 10 คนนี่คงไม่ไหว คือถ้าเจอเด็ก 2 คน คนหนึ่งซน คนนึงไม่ซนน่ะ โอเค แต่ถ้ามา 10 คน ซนพร้อมกันน่ะ ตาย...”
ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม (น้องเป๊ะ) รับบท เป๊ะ
วันเกิด 12 มิ.ย. 2545 อายุ 5 ขวบ การศึกษา : อนุบาล 3
ส่วนสูง 110 ซม. น้ำหนัก 19 กก.
ชื่นชอบ: การ์ตูน / ฟุตบอล อาหารโปรด : ผัดสะตอ
แรกเห็น ใครๆ ก็ยอมแพ้ความซน แต่หลังถ่ายทำไปไม่กี่คิว เป๊ะเป็นนักแสดงที่แก๊งส์ผู้ใหญ่ ต่างยกนิ้วให้ พร้อมตั้งฉายาว่า “เป๊ะเทคเดียว” เพราะเล่นได้แนบเนียนมาก ของโปรดคือ ลูกอมฮอลล์รสน้ำผึ้ง (ไม่ต้องแปลกใจที่ฟันหลอ) ชอบที่สุดคือ เล่นเกมส์ เป๊ะยังเป็นเด็ก 5 ขวบที่ทีมงานและนักแสดงร่วมต่างยกนิ้วให้กับความอึด เพราะไม่ว่าจะดึกดื่น เที่ยงคืน ถ่ายคิวดึกแค่ไหน เป๊ะก็ไม่เคยบ่นว่า ง่วงนอน เพราะนั่งตาใสอยู่หน้าจอคอมฯ เล่นเกมส์ รอเข้าฉากต่อไป แถมเล่นจริง ร้องไห้จริง เพราะกลัวแม่ (ในหนัง) จริงๆ
เป๊ะยังเป็นเจ้าของเพลงฮิต ประจำกองถ่าย เพลง “เด็กมีปัญหา” ของโฟร์-มด ที่เป๊ะจะวิ่งมาร้องเพลงนี้ เต้นยั่ว โฟร์ ศกลรัตน์ เจ้าของเพลงตัวจริงฟังให้ฟังเสมอๆ
เป๊ะเคยถามแม่ว่า “ขอเป๊ะลาออกจากโรงเรียนอนุบาลเดิมมาเรียนโรงเรียนอนุบาลRSได้ไหม??”
“เซน 1” รับบทโดย ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ (น้องเซน 1)
เด็กชายอนุบาล 3 ตัวอ้วนสุด ตัวตันตัน หน้าตาเป็นเสือยิ้มยาก สีหน้าไม่บอกอารมณ์ บ้าพลัง เป็นลูกชายเจ้ร้านทอง พลังที่มีในตัวอยู่มาก จึงมีความมุ่งมั่นที่จะแข่งขันกีฬาเต็มเปี่ยม มีความน่ารักที่มาพร้อมกับความกลมกลึงของรูปร่าง แถมคุณแม่ผลักดันสุดฤทธิ์ ให้เซน 1 เป็นหัวหน้าทีม
จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท คุณแม่น้องเซน 1
อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลอดุลวาด
“เป็นคุณแม่น้องเซน 1 ลูกพี่อ้วน น่ารักสุดๆ ค่ะ เค้าเป็นเด็กแปลกมาก คือหน้าตาเนี่ยไม่บอกอารมณ์เลย หน้าเดียวหมด อารมณ์เดียวหมด อย่างวันหนึ่งเล่นๆ อยู่ ขี้ราดยังไม่มีใครรู้เลย ไม่บอกใคร แต่เค้าเป็นสไตล์น่ารักๆ นะ แต่ละคนจะน่ารักไม่เหมือนกัน ลูกเซน 1 ของพี่เนี้ย น่ารักสุดๆ
เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของแม่อย่างพี่ คือจะดันให้ลูกเกิดตลอดเวลา อยากให้ลูกได้ดี มีความปรารถนาดีกับลูก อยากให้ลูกอยู่โรงเรียนแล้วเด่นๆ น่ะ อยากให้เป็นดาว แล้วลูกก็น่ารักสุดๆ ด้วย
พี่ก็คอยประจบครูบาอาจารย์บ่อยๆ ว่า เอ๊!!... ลูกเราเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ให้อยู่ข้างหน้า ทำไมไม่ให้เป็นหัวหน้าทีม แถมต้องสู้รบปรบมือกับผู้ปกครองคนอื่นๆหน่อยหนึ่ง ชิงดีชิงเด่นกันน่ะ เพราะพ่อ-แม่ทุกคนก็รักลูกตัวเอง อยากให้ลูกของตัวเองเด่นน่ะ อยากโชว์ออฟว่าลูกเราเก่ง ลูกเราน่ารักน่ะ เลี้ยงง่าย พอกินข้าวเสร็จแล้วก็ยืนอิ่มแบบว่าจะหลับ ตื่นมากองถ่ายแต่เช้า 6 โมง เด็กอ้วน แบตฯในตัวก็จะหมด ขนาดกางเกงหลุดยังยืนจับไว้มือหนึ่ง ขำมาก”
ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ (น้องเซน1) รับบท เซน 1
อายุ 5 ขวบ การศึกษา อนุบาล 3 ส่วนสูง 137 ซม. น้ำหนัก 32 กก.!!
ชื่นชอบ : ไรเดอร์บูล งานอดิเรก : ว่ายน้ำ / เป่าเมโลเดี้ยน อาหารโปรด ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
คนนี้เด็ดสุด อ้วนจ้ำม่ำ น่ารักน่าหยิก แต่เป็นหนุ่มยิ้มยากประจำกองถ่าย ยิ่งถ้าใครไม่สนิทอย่าหวังว่า จะคุยด้วยง่ายๆ แต่ถ้าสนิทก็มีสิทธิ์ได้เห็นรอยยิ้ม ที่ชวนให้งงว่า ลืมตา หรือ หลับตาอยู่
คิวแรกที่มาถ่ายทำ เซน 1 เรียก “เรียว” ผู้กำกับฯว่า “ลุงเรอ” อย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เด็กๆดรีมทีม พากันเรียก “ลุงเรอ” ตามเซน 1 กันหมด (นิสัยเรียกชื่อคนเพี้ยนๆนี้ อาจจะเป็นกรรมพันธุ์จากหม่าม้าในเรื่องเพราะพี่จิ๊กก็เรียก “เรียว”แบบเบี้ยวๆตามใจฉันว่า “อาเดียว”)
เซน 1 ได้ตำแหน่งมนุษย์เจ้าปัญหาไปครอง เพราะไม่ว่าจะถ่ายอะไร ต้องเล่นแบบไหน มีคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะไม่ยอมให้ความสงสัยวนเวียนอยู่ในหัว จะต้องซักจนกว่าจะรู้เรื่อง แต่เมื่อมีไดอาล็อกให้คุย นักแสดงหุ่นอวบคนนี้ จะท่องบทจนขึ้นใจ และเล่นตามบทได้อย่างน่ารักเป๊ะ!! เมื่อถามถึงความประทับใจ “เซน 1” ตอบอย่าง น่ารัก สมตัว ว่า “หมูก้อนทอด กับพะโล้น่องไก่ กองถ่ายอร่อยมากครับ”
“ภูมิ” รับบทโดย ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ (น้องภูมิ)
รูปร่างผอมบาง และบุคลิกช่างคิด หน้าตาเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ภูมิเป็นอีสุกอีใส จนกระทั่งมีเพื่อนมาบอกว่า ภูมิเป็นเอดส์ ภูมิก็เชื่อเพื่อนเสียสนิทใจ ภูมิมีพ่อ-แม่ที่ชอบเถียงกันตลอดเวลา
ศรีพรรณ บุนนาค รับบท แม่น้องภูมิ
อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลจุไรรัตน์
“เรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่า น้องภูมิเป็นลูกที่อ้นเคยอุ้มท้องไว้ ในหนังเรื่อง “เมล์นรก หมวยยกล้อ” คลอดออกมาเลยเป็น น้องภูมิ (ฮ่า) ลูกชาย เรียบร้อย น่ารักมาก แต่พ่อแม่ก็ยังทะเลาะกันตลอด กับสามี (ในจอ) พี่ซ้งธ์ คนเดิมนี่ล่ะ
ถ่ายหนังเรื่องนี้ ปวดหัวมาก ต้องกินพาราเซตามอลตลอดเวลา เพราะมันต้องตะโกนๆ ตลอด แต่ชอบมาก มองไปทางไหนมีแต่เด็กๆๆ รักเด็กคะ (ฮา)”
ซ้งธ์ ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ รับบท พ่อน้องภูมิ
อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลศรีอรัญโยทัย อ.อรัญประเทศ
“ลูกชายเป็นอีสุกอีใส แต่เพื่อนหาว่าเป็นเอดส์ ลูกไม่น่ามีพ่อแม่อย่างนี้เลย (หัวเราะ) ลูกเขาดีชั้นหนึ่ง พอดีวันนั้น เมียไม่มา ผัวเลยต้องไปทะเลาะที่โรงเรียน
มาเห็นเรื่องราวในหนัง “ดรีมทีม” เรายังคิด เออ... คิดได้ไง จริงๆ เรายังอยากทำหนังเด็ก พอเห็นเพื่อนได้ทำเราดีใจมากเลย แต่เขาคงทำเรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วไม่ทำอีกแล้วล่ะหนังเด็ก (ฮา) เด็ก สัตว์ สลิง มันผจญภัยกับเด็ก เจอมันทุกวัน โดนเด็กรุมทุกวัน”
ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ (น้องภูมิ) รับบท ภูมิ
วันเกิด 19 มิ.ย. 2544 อนุบาล 3 ส่วนสูง 122 ซม. น้ำหนัก 19 กก.
ผลงาน ช่วงดันดารา ตีสิบ โปรดปราน : อุลตร้าแมน/ไอ้มดแดง อาหารโปรด ต้มหน่อไม้/ผัดเห็ด
ความสามารถพิเศษ : จำป้ายจราจร/ธงชาติ/นับเลขภาษาอังกฤษ
6 ขวบฉลาดเกินตัวระดับ อนุบาล 3 แต่ภูมิท่องสูตรคูณได้ครบทุกแม่ บวกลบเลขได้เกิน 3 หลัก พูดจาเข้าใจ เรียบร้อยมาก ภูมิเป็นคนคอยควบคุมเพื่อนๆ ให้อยู่ในความสงบ แต่อยู่ที่ว่า ใครจะเชื่อหรือเปล่า(ฮ่า) ภูมิ อินกับบทบาทหายห่วง แค่ทีมงานแต่งเอฟเฟ็คท์ให้เป็นอีสุกอีใส ภูมิก็อินจนเสียน้ำตา น้อยอกน้อยใจในโชคชะตา ที่ตัวเองหล่อน้อยกว่าเพื่อน แต่ภูมิก็อดกลั้นน้ำตาได้ พร้อมกับบอกเพื่อนๆ ทุกคนที่มาปลอบว่า ไม่ต้องปลอบเขามาก เพราะ “เราร้องไห้แค่นิดเดียว ไม่เป็นอะไรมาก”
ภูมิ เป็นคนที่ทำให้ อ้น ศรีพรรณ ซึ้งกับคำว่า “แม่” เพราะ ภูมิเรียกอ้น ศรีพรรณ ว่า “แม่อ้น” ทุกคำ
เซน 2 (ด.ช. ธนกร เมธาวุฒิกีรติ - น้องเซนต์ 2)
หน้าตาน่ารัก อินเทรน แนวพระเอกเกาหลี คุณพ่อด็อกเตอร์ พยายามสอนว่า เซน2 ต้องเก่งเป็นที่หนึ่ง แพ้ไม่ได้
คมสัน นันทจิต รับบท ด็อกเตอร์ (คุณพ่อ น้องเซน 2)
อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลสุวรรณินวิทยา
“เล่นเป็นพ่อของเซน 2 ครับ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็น ดร. เป็นคนมีฐานะ เรียนเก่ง ปริญญาเอก ลูกแพ้ไม่ได้ เล่นกีฬามีแต่ชนะห้ามแพ้ เพราะเราคำนวณมาแล้วว่า มันชนะได้
ตอนเห็นหน้าลูกก็ตกใจ น่ารัก หน้าเหมือนกันมาก เซนต์ 2 น้องเขาเป็นคนว่าง่าย เป็นเด็กฉลาด วันแรกที่เข้าฉากด้วยกัน เขาท่องบทมาหมดแล้ว ท่องได้จริงๆ นี่ เซนต์ 2 ครับ อย่าไปเปรียบกับลูกพี่จิ๊กครับ คนละทาง (หัวเราะหึๆ) ลูกผมมันน่ารัก
ส่วนตัวผม ไม่ชอบเด็กครับ สิ่งมีชีวิตที่คาดเดาไม่ได้ ไม่ชอบเลยครับ ผมแพ้คลื่นเสียงความถี่สูง เด็กอยู่กันเยอะๆ มันจะเป็นการกระจายเสียงที่ไร้ทิศทาง จอแจ ผมชอบแต่สิ่งไม่มีชีวิต ยกเว้นผู้หญิง” (หัวเราะกิ๊กกั๊ก)
ด.ช.ธนกร เมธาวุฒิกีรติ (น้องเซนต์ 2) รับบท เซน 2
วันเกิด 15 มี.ค. 2545 ส่วนสูง 111 ซม. น้ำหนัก 19 กก. อาหารโปรด ไข่เจียว
โปรดปราน ไอ้มดแดง งานอดิเรก เล่นเปียโน สัตว์เลี้ยง : สุนัข
ไม่ว่าใครจะสั่งอะไร เซนต์ 2 ก็จะเข้าใจง่ายจนทำให้ทีมงานเบาใจ ยกเว้นเฉพาะเวลาที่มีเพื่อนๆ นำขบวน เซนต์ 2 ก็มีเผลอไผลบ้าง ไม้ตายที่เซนต์ 2 ยอมแพ้คือ คุณแม่ เพราะคุณแม่ฝากฝังทีมงานไว้เลยว่า ตีได้เลย
เซนต์ 2 เป็นเด็กกระตือรือร้น พูดเก่ง แต่พูดเป็นประโยคบอกเล่าล้วนๆ ไม่มีคำถาม และไม่ต้องการคำตอบ เซนต์ 2 ต้องการแค่ให้คนยอมฟัง หรือ ดูเขาเล่นกลไปเรื่อยๆ กระซิบให้ว่า เซนต์ 2 เล่นกลเก่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เซนต์ 2 ชอบมาถ่ายหนังมาก วันไหนมากองถ่ายเซนต์ 2 จะตื่นเองได้แต่เช้า แต่เวลาใครถาม มากองถ่ายเล่นอะไรจะ เซนต์ 2 จะบอกว่า “มาเล่นชักเย่อ” ส่วนของโปรด ใช้หลอกล่อเซนต์ 2 คือ ข้าวเหนียวหมูฝอย เจ้าประจำ
“อะตอม” (ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข - น้องตี่ตี๋)
หนุ่มน้อย หล่อน่ารัก แต่ตื่นเต้นทีไรเป็นปวดอึ ต้องพกกางเกงสำรองติดตัวไว้เสมอ คุณพ่อเสียงหล่อของอะตอม ก็ชอบเตรียมกางเกงแดงไว้ให้อยู่เรื่อย
เอกราช เก่งทุกทาง รับบท คุณพ่อน้องอะตอม
โรงเรียนอนุบาลไม่รู้ รู้แต่เชียร์ลิเวอร์พูล
“รับเล่น ก็เป็นเพราะได้เล่นกับเด็กๆ เป็นคนรักเด็ก (หัวเราะ)
คิดว่าเรียวเค้าคงจะทำหนังที่แบบว่ามีสาระๆ ครับ (หัวเราะ) คือมีอารมณ์ขัน แต่ก็มีธีมของความมีคุณค่าของชีวิต คุณค่าของชัยชนะว่าชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป แล้วก็มันเป็นเรื่องของครอบครัว
น้องตี่ตี๋หรือน้องอะตอมในเรื่องเนี่ย ซนมาก!! (หัวเราะ) คือธรรมดาของเด็กเนี่ยเค้าก็คือจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง แป๊ปๆ ก็ไปโน่นไปนี่แล้ว เวลาสั่งคัทก็ไปเล่นดินเล่นทราย เป็นเด็กที่ Alert มาก แต่ตี่ตี๋เนี่ยเค้าก็มีความตั้งใจอยู่นะ ซึ่งดูแล้วเป็นธรรมชาติดี ตี่ตี๋เค้าเป็นอะไรที่น่ารัก
ชอบทุกคนนะน่ารักทุกคนแหละ แต่ผมว่าเด็กดรีมทีมกลุ่มนี้เนี่ยซนนะ แล้วก็มีความเป็นตัวของตัวเองทุกคนเลย มากองถ่ายแล้ว ปวดหัวแทนผู้กำกับฯ คือเด็กมันซน!! พอมาเล่นหนังเรื่องนี้แล้วอยากมีลูกเลย” (หัวเราะ)
ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข (น้องตี่ตี๋) รับบท อะตอม
วันเกิด 11 มิ.ย. 2545 อนุบาล 3 ส่วนสูง 110 ซม. น้ำหนัก 22 กก.
อาหารโปรด ข้าวมันไก่ นิสัย ร่าเริงมาก ช่างพูด ชอบอ่านหนังสือ
หนูน้อยอารมณ์ดี ซน แก่น ไปวันๆ แต่ต้องมารับบทหนัก (หนักอย่างเดียว ไม่เบา) เพราะตามบท ตี่ตี๋ต้องอึราดกลางสนามซ้อม ต้องโดนเพื่อนล้อ แซว เรื่องอึราด จนได้ฉายาว่า“อะตอมขี้แตก” แต่ตัวจริง ตี่ตี๋กลับเฉยชากับเสียงล้อเลียนมาก ทำหน้านิ่งๆ ไม่สะท้านกับการโดนแซว
เช่นเดียวกับ ฉากแก้ผ้าให้คุณพ่อเอกราชใส่กางเกงให้ ตี่ตี๋ก็ยังสงบเชิดหน้าไม่สะทกสะท้าน แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า แก้มตี่ตี๋แดงแจ้ด เพราะความเขิน งานนี้ทุกคนเลยลงความเห็นว่า “จริงๆ ตี่ตี๋น่ะ อาย แต่ฟอร์มจัด”
วันแรกที่ตี่ตี๋ รู้ว่า ตัวเองรับบทเด็กอึราด ตี่ตี๋ร้องไห้ไม่ยอมแสดง เกิดเป็นปมปัญหาที่ต้องยอมพักกองถ่าย เพื่อปรับความเข้าใจ และให้ตี่ตี๋ทำใจได้ ถึงจะถ่ายทำต่อได้
ด.ช. ศุภโชติ รัชวรพงศ์ (น้องริชชี่) รับบท ริชชี่ - หัวหน้าทีม “ดรีมทีม”
วันเกิด 22 ก.พ. 2545
อนุบาล 3
นิสัย สนุกสนาน ร่าเริง
ส่วนสูง 120 ซม. น้ำหนัก 19 กก.
พี่น้อง 2 คน
อาหารโปรด ผัดผักบร็อคโครี่กับกุ้ง
งานอดิเรก ต่อเลโก้ ร้องเพลง อ่านหนังสือ
หัวหน้าทีมของดรีมทีม รูปหล่อประจำทีม ริชชี่เป็นเด็กน่ารัก ว่าง่าย ชอบมีคำอธิบายประหลาดๆให้เพื่อน เช่น สเตเดี้ยม เป็นคนอธิบายให้เพื่อนฟังว่า สเตเดี้ยม คือ “สยาม” กีฬาในร่ม (555) ความรู้รอบตัวเยอะ ชอบอ่านหนังสือ มีความเป็นลูกผู้ชาย แมนมาก สมกับเป็นหัวหน้าทีม วันที่ถ่ายทำฉากแข่งขันกีฬาอนุบาลแห่งชาติ ที่ ม.ธรรมศาสตร์ แล้วทีม “ดรีมทีม” แพ้ ทีม “ม้าไม้” และทีม “จอมพลัง” ริชชี่ถึงกับร้องไห้จริงๆ จนถูกพี่กิ๊กแซวว่า “นี่ถ่ายหนังนะ ริชชี่อินเกินไปรึป่าว แพ้ในหนังไม่ต้องร้องไห้”
ด.ช. อัจฉริยะ อุปการดี (น้องสตางค์) รับบท สตางค์
วันเกิด 21 ก.พ.2544
อนุบาล 3
ส่วนสูง 115 ซม. น้ำหนัก 21 กก.
ความสามารถพิเศษ ร้องเพลงลูกทุ่ง
อาหารที่ชอบ ข้าวไข่เจียว
หนุ่มน้อยหน้าคมเชื้อสายหนุ่มใต้ สตางค์เป็นเด็กตั้งใจ มีความพยายามสูง แต่เป็นมนุษย์เหตุผล ทำนั่นไม่ได้ เพราะอย่างนี้นะ สตางค์เชื่อมั่น ว่า ตัวเองเก่ง เรียบร้อย พูดจาเหมือนผู้ใหญ่ บุคลิกนิ่ง สุขุมกว่าเพื่อนๆคนอื่น
สตางค์มีหน้าที่ขอลายเซ็นพี่โฟร์ ให้พี่ ๆ ที่บ้าน ซึ่งเป็นแฟนคลับพี่โฟร์ สตางค์ชื่นชอบรถไฟมาก เพราะคุณพ่อชอบพาไปดูรถไฟ จนสตางค์ใฝ่ฝันว่า โตขึ้นอยากเป็นวิศวกรรถไฟ
ด.ช. พชธกร ธนพัฒนากุล (น้องจุ้ย) รับบท จุ้ย
วันเกิด 12 มิ.ย. 2545 อนุบาล 3 นิสัย ร่าเริง ชอบหัวเราะ แรงเยอะ บ้าพลัง
ส่วนสูง 110 ซม. น้ำหนัก 27 กก. โปรดปราน การ์ตูน
อาหารโปรด ข้าวเหนียวไก่ทอด
น้องจุ้ยเข้ามาด้วยความโดดเด่นของหน้าตา ที่ดูไปดูมา จะได้อารมณ์คล้ายกำลังมอง “หลวงจีน” กำลังฝึกวิชาวัดเส้าหลิน (555) นิยามของจุ้ย คือ เป็นนักเลง บ้าพลัง แรงเยอะ กินเก่ง จุ้ยตัวจริงก็แข็งแรง พลังเยอะกว่าเพื่อน เป็นหน่วยกำลังสำคัญของดรีมทีม ในการออกแรงดึงเชือกแข่งชักเย่อ
ด.ช. เจษฎาพร บุญสอน (น้องเจ็ส) รับบท เจ็ส
วันเกิด 15 ต.ค. 2544 อนุบาล 3 นิสัย ร่าเริง ยิ้มเก่ง
มีฉายา เจ็สชอบโชว์ พี่น้อง 3 คน โปรดปราน การ์ตูน/สารคดี อาหารโปรด เนื้อปลา
เจ็สเป็นเด็กอนุบาล 3 ที่มีทักษะทางกีฬาสูง ในบรรดาเด็กอนุบาลกว่า 600 คน ที่ทีมงานคัดเลือก เจ็สเป็นคนเดียวที่ดึงเชือกชักเย่อถูกต้องโดยไม่มีใครสอน นั่นทำให้ เจ็สได้รับเลือกให้มาเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของ “ดรีมทีม”
อุปนิสัยน่ารัก แมนๆ ดื้อเงียบ ฉายา เจ็สชอบโชว์ ยิ่งใครล้อ หรือร้องขอ “ขอดูหน่อย” เจ็สก็โชว์ “ช้างน้อย” ได้อย่างแมนๆ
เจ็สถามผู้กำกับฯ เสมอๆ ว่า เมื่อไรเจ็สจะมีบทพูด จนวันหนึ่งเมื่อ พี่เรียว ผู้กำกับฯ บอกว่า วันนี้ให้เจ็สพูดล่ะ เพียงประโยคเดียว เจ็สก็ตื่นเต้นมาก ท่องบทไม่หยุด ถามทีมงานไปทั่ว ทำไงดี?? ทำไงดี?? แต่พอถึงนาทีที่เจ็สรอคอยมาถึง ... เจ็สกลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ!?!
รายชื่อ เหล่านักแสดง
เกียรติ กิจเจริญ รับบท โค้ชเบิร์ด
ศกลรัตน์ วรอุไร รับบท ครูหนูเล็ก
อัมรินทร์ นิติพน รับบท “ขวด” คุณพ่อหัวแก้ว
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท คุณแม่เซน 1
คมสัน นันทจิต รับบท คุณพ่อเซน 2
ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบท แม่เป๊ะ
ศรีพรรณ บุนนาค รับบท คุณแม่ภูมิ
ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ รับบท คุณพ่อภูมิ
เอกราช เก่งทุกทาง รับบท คุณพ่อ อะตอม
คริส ไรธ์ (คริส ดิลิเวอรี่) รับบท กรรมการชักเย่อ
จิรายุ ห่วงทรัพย์ รับบท ผู้บรรยายกีฬา
ดร. เสรี วงษ์มณฑา รับบท ครูใหญ่
ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข (คาร์บิว) รับบท หัวแก้ว
ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม (น้องเป๊ะ) รับบท เป๊ะ
ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ (น้องเซน) รับบท เซน 1
ด.ช.ธนกร เมธาวุฒิกีรติ (น้องเซนต์) รับบท เซน 2
ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ (น้องภูมิ) รับบท ภูมิ
ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข (น้องตี่ตี๋) รับบท อะตอม
ด.ช. พชธกร ธนพัฒนากุล (น้องจุ้ย) รับบท จุ้ย
ด.ช. ศุภโชติ รัชวรพงศ์ (น้องริชชี่) รับบท ริชชี่
ด.ช. เจษฎาพร บุญสอน (น้องเจ็ส) รับบท เจ็ส
ด.ช. อัจฉริยะ อุปการดี (น้องสตางค์) รับบท สตางค์
ธวัชชัย สัจจกุล รับบท ผู้จัดการทีมฟุตบอล
เครดิตทีมงาน
อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร เกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์, สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
Executive Producers KRIENGKAI CHETCHOTISAK, SURACHAI CHETCHOTISAK
ควบคุมงานสร้าง จันทิมา เลียวศิริกุล, กิตติกร เลียวศิริกุล
Producers JANTIMA LIAWSIRIKUN, KITTIKORN LIAWSIRIKUN
ผู้ช่วยควบคุมงานสร้าง ปานเทพ พันธ์เชย
Line Producer PANTHEP PHANCHOEI
ผู้จัดการกองถ่าย ธีระศักดิ์ เกตุแก้ว
Production Manager THERASAK KATKAEW
บทภาพยนตร์ เรียว กิตติกร, สุทธิพร ทับทิม
Screenplay LEO KITTIKORN, SUTHIPORN TABTIM
กำกับภาพยนตร์/เรื่อง/ลำดับภาพ เรียว กิตติกร
Director/story/editor LEO KITTIKORN
ถ่ายภาพ จิระเดช สำเนียงเสนาะ
Camera Operator JIRADECH SAMNANGSANOR
ถ่ายภาพสเตดี้แคม สมศักดิ์ ศรีสวัสดิ์
Steadicam Operator SOMSAK SRISAWAT STEADICAM MAN CO., LTD.
ลำดับภาพ เรียว กิตติกร, วรวัฒน์ ณ กาฬสินธุ์
Editor LEO KITTIKORN, WORAWAT NA GALASIN
ผู้ช่วยผู้กำกับ ชาญศักดิ์ ลีลาเกษมสันต์, จักรพันธุ์ วัฒนพงษ์
Assistant Directors CHANSAK LEELAKASEMSANT, CHUKKRAPHAN WATTANAPONG
สอนการแสดง ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์, สาธิกา โภคทรัพย์, ณัฐกานต์ ภู่เจริญศิลป์
Acting Coach DAMKERNG THITAPIYASAK, SATIKA BHOKASAB, NATTAGANT PUCHALARNSIN
ออกแบบเครื่องแต่งกาย วรธน กฤษณะกลิน
Wardrobe Designer WORATHON KRITSANAKLIN
แต่งหน้า อดิช เยี่ยมฉวี, วรพันธ์ นราภิรมย์ขวัญ
Make - up Artists ARDICH YIAMCHAVEE, VORAPHAN NARAPIROMKWAN
ทำผม ชุติกาญจน์ ทิสานนท์
Hair Stylists CHUTIKAN THISANON
ควบคุมความต่อเนื่อง วรวัฒน์ ณ กาฬสินธุ์
Continuity WORAWAT NA GALASIN
ผู้ช่วยจัดทำเครื่องแต่งกาย ชนิกานต์ สมัครไร่, นุชนาฏ มากสวาสดิ์
Assistance Wardrobe Designers CHANIKAN SMAKRAI, NUTCHANAT MAKSAWAT
VIDEO MAN สุพจน์ กองแก้ว
SUPOT KONGKEAW
ศิลปกรรม จตุชัย บุญสินธ์, ประมุข อิ่มรัตนะ, ยุทธนา โพธิโชติ,
ทรงวุฒน์ ไตรวิลาศ
Art Department JATUCHAI BOONSIN, PRAMUK IMRATANA,
YUTTANA POTICHOD, SONGWUT TRAIWILAS
อุปกรณ์กล้อง บริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน) สายงาน สตูดิโอโปรดักชั่น
Camera Equipment PRODUCTION STUDIO OF RS PLC.
อุปกรณ์ไฟ บริษัท มูนบีม อีควิปเม้นท์ จำกัด
Lighting & Grip Equipment MOONBEAM EQUIPMENT CO., LTD.
บันทึกเสียง สิรภพ ตุงคะเศณี
Sound Recording SIRAPOB TUNGKASERANEE
ดนตรีประกอบ บริษัท ไจแอ็นท เวฟ จำกัด
Original Score GIANT WAVE CO., LTD.
ที่ปรึกษาส่วน โพสท์โพรดักชั่น ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์
Post Production Supervisor PIYAPAN CHOOPETCH
เทคนิคฟิล์มแลป และผสมเสียง กันตนา ฟิล์มแลป
Film Lab & Sound mix technical KANTANA FILMLAB
ผสมเสียง วชิระ วงศาโรจน์, สมศักดิ์ พิมพาลัย
Mix Down WACHIRA WONGSAROJN, SOMSAK PIMPALAI
เทคนิคพิเศษด้านภาพ พรรณพันธ์ ทรงขำ
Visual Effect PANNAPAN SONGKHAM
TELECINE/DIGITAL OUTPUT บริษัท เดอะ โพสต์ บางกอก จำกัด
THE POST BANGKOK CO., LTD.
ภาพนิ่ง สุพัฒน์ ลาวัณจรัสโยธิน
Still Photographer SUPAT LAVANJARUSYOTIN
เบื้องหลัง จิรณัฐ ลวนะพิพัฒน์
VDO Behind the Scene JIRANUT LAVANPIPAT
สร้างสรรค์งานโฆษณา ด็อกเตอร์เฮด
Creative & Promotion DOCTOR HEAD
UNIT 2
กำกับ มณฑล อารยางกูร MONTHON ARAYANGKOON
ถ่ายภาพ ธรรมเจริญ พรหมพันธุ์ THAMCHAROEN PROMPHAN
ผู้ช่วยผู้กำกับ สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร, นิธิศ เรืองสุด, สรชัย แปลงยศ
THAMCHAROEN PROMPHAN, NITIT RANGSUD, SORACHAI PLANGYOS
Slate & Report อาคม แซ่ตั้ง ARKHOM SEAUTHANG
Focus puller ชุมพล ภูโทสุด CHUMPOL POOTOSUD
UNIT 3
กำกับ สราวุธ วิเชียรสาร SARAWUT WICHIENSARN
ผู้ช่วยผู้กำกับ อัญชนา เพ็ชร์จินดา ANCHANA PETHJINDA
Slate & Report พิธาน โชคกิจการ PHITHAN CHOKKIJAKARN
Focus puller วิทยา ภู่พร้อม WITAYA PUPROM
จัดการ คณาขวัญ รักสัจจะ KHANAKWAN LUCKSATCHA
UNIT 4
กำกับ เหมันต์ เชตมี HEMAN CHEATAMEE
ผู้ช่วยผู้กำกับ ภูมิพัฒน์ เกียรติวุฒินนท์P HUMIPAT KEATTIWUTTINON
Slate & Report บัญชร สุขขำ BANCHORN SUKKHUM
Focus puller เจตนิพัทธ์ ศรีทอง JETNIPAT SRITHONG
จัดการ สุวิมล ชูมงคล SUVIMON CHOOMONGKOL
UNIT 5
กำกับ ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ PIYAPAN CHOOPETCH
ผู้ช่วยผู้กำกับ อาทิตย์ ยุกตะนันทน์ ARTIT YUKTANAN
Slate & Report ยุธการ หมายดี YUTAKAN MAIDEE
Focus puller มนูญ ชัยเวช MANOON CHAIVECH
จัดการ กฤษณะ บุตรโพธิ์ KRITSANA BUTPHO
UNIT 6
กำกับ สุทธิพร ทับทิม SUTHIPORN TABTIM
ถ่ายภาพ ธนะพร อาคมานนท์ THANAPORN ARKAMANON
ผู้ช่วยผู้กำกับ กาญจนพันธุ์ มีสุวรรณ KANCHANPHAN MEESUWAN
รายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.dreamteamthemovie.com, www.avant.co.th
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อาวอง โทร. 0-2938-6915-6 ต่อ 115, 126, 127
อารีย์ กาญจนรังสรรค์ (ติ๊ก) 085-088-0664, ธมลวรรณ ธีระอัมพรกุล (หลิน) 081-432-4725
กชพรรณ ศุขมา (น้อยหน่า) 089-140-1125, ยุภาภรณ์ เล่ห์กล (ยุ) 081-924-3324