กรุงเทพฯ--2 ม.ค.--โอกิลวี่
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย ประกาศเข้าซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส (Mixed-Use Properties) จำนวน 12 โครงการ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นสินทรัพย์กลุ่ม 3 ปี 2562 เสริมจำนวนห้องพักรวม 989 ห้องในทันที และอีกมากกว่า 2,500 ห้องจากโครงการที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา พร้อมทั้งการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสรวมทั้งค้าปลีกในอนาคต
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า "ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ในการสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เราจึงเดินหน้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์กลุ่มที่ 3 ของบริษัทฯ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 ซึ่งประกอบด้วย โรงแรมในระดับ Midscale ถึง Upper Upscale ที่เปิดดำเนินการแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร, โรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช และโรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา และโรงแรมรวมทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส (Mixed-Use Properties) ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา รวมอีก 8 แห่ง ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 26,229 ล้านบาท(1) เพื่อเสริมศักยภาพและความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ซึ่งจะสร้างผลประกอบการอย่างก้าวกระโดดภายใน 5 ปี"
โรงแรมสินทรัพย์กลุ่มที่ 3 ของบริษัทฯ ที่เปิดดำเนินการแล้ว มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของศักยภาพการดำเนินงานและที่ตั้ง โดยโรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ เป็นโรงแรมในระดับ Upper Upscale ที่มีห้องพัก 303 ห้องโดยเป็นโรงแรมแมริออทแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งห้องโรงแรมและรูปแบบห้องแนวใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มคณะ ครอบครัว หรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าพักในระยะยาว การันตีด้วยรางวัลโรงแรมอันดับหนึ่งในกรุงเทพฯ บนเว็บไซต์ TripAdvisor ภายใน 8 สัปดาห์หลังจากเปิดดำเนินงาน อีกทั้งยังอยู่ในช่วงเปิดดำเนินงานในระยะเริ่มต้น (Ramp-up) ที่จะช่วยเสริมผลการดำเนินงานได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยดัชนีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับเดียวกัน (RevPAR Index) สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2562 สูงถึงร้อยละ 149.4 ในขณะที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร เป็นโรงแรมที่รองรับนักท่องเที่ยวและ นักเดินทางเพื่อธุรกิจในระดับ Midscale ในใจกลางย่านสาทรและสีลม ที่มีห้องพักจำนวน 184 ห้อง โดยได้รับรางวัล Loved by Guests 2019 จาก Hotels.com แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจจากผู้เข้าพักที่มีต่อโรงแรมในระดับสูง
ในขณะที่โรงแรมทรัพย์สินกลุ่ม 3 ของบริษัทฯ ที่เปิดดำเนินการแล้วนอกกรุงเทพฯ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยวของนักเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยโรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช เป็นรีสอร์ทริมหาด ระดับ Upper Upscale ที่มีบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ด้วยห้องพักและพูลวิลล่าจำนวน 180 ห้อง อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานยอดนิยม การันตีด้วยรางวัล Best International Wedding Hotels in the World 2019 จาก International Hotel Awards และมีดัชนีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับเดียวกัน (RevPAR Index) สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2562 สูงถึงร้อยละ 145.2 ส่วนโรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา เป็นรีสอร์ทในระดับ Upper Upscale ที่โดดเด่นด้วยห้องพักแบบทันสมัยจำนวน 322 ห้อง พร้อมด้วยสระว่ายน้ำจำนวน 5 สระ และสระว่ายน้ำแบบ loop pool โดยได้รับรางวัล Best Luxury Resort Hotel Asia Pacific 2019 จาก International Hotel Awards และมีดัชนีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับเดียวกัน (RevPAR Index) สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2562 สูงถึงร้อยละ 171.6
นอกจากนี้โรงแรมทรัพย์สินกลุ่ม 3 ยังประกอบไปด้วยโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส (Mixed-Use Properties) ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา อีก 8 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักรวมมากกว่า 2,500 ห้องโดยมีโครงการที่โดดเด่น อาทิ AWC CENTER PATTAYA โครงการมิกซ์ยูสระดับเมกะโปรเจคใหม่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วย โรงแรมเจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และ โรงแรม พัทยา แมริออท มาร์คีส์ ที่มีห้องพักรวม 1,298 ห้อง ตลอดจนโครงการอควอทีค จุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ระดับไอคอนของพัทยา ซึ่งโดดเด่นด้วยโครงสร้างการออกแบบแนวเรโทร- ฟิวเจอริสติก ที่เนรมิตให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งรวมของการค้นหาและการผจญภัยในด้านไลฟ์สไตล์แบบเต็มพิกัดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับตำนานเล่าขานรวมถึงความลับที่ซ่อนไว้ของท้องทะเล อีกทั้งยังมีโรงแรมบันยัน ทรี จอมเทียน พัทยา รีสอร์ทระดับ Luxury ริมหาด จอมเทียนที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองทั้งจากรุงเทพฯ และเมืองหลักโดยรอบ ที่จะมีห้องพักและวิลล่ารวม 150 ห้อง และโครงการที่จะพัฒนาในอนาคตต่างๆ อีกมากมาย
การเข้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินกลุ่ม 3 จะทำให้แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น เป็นเจ้าของโรงแรมรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในโรงแรมระดับ Midscale ขึ้นไป เมื่อพิจารณาจากจำนวนห้องพักทั้งหมดของบริษัทฯ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และเมื่อการพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะมีโรงแรมที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 27 แห่ง และมีจำนวนห้องพักมากกว่า 8,500 ห้อง ที่บริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล อาทิ Marriott International Inc., ฮิลตัน, บันยันทรี, มีเลีย, ไอเอชจี และโอกุระ พร้อมด้วยเครือข่ายสมาชิก Loyalty Program มากกว่า 290 ล้านสมาชิก และด้วยการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสที่หลากหลาย แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นที่จะสร้างจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวให้กับกรุงเทพฯ และพัทยา เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องและชุมชนต่างๆ อย่างยั่งยืน
หมายเหตุ: (1) ทั้งนี้ราคาซื้อทรัพย์จะมีการปรับปรุงในภายหลังเมื่องบการเงินของทรัพย์กลุ่ม 3 ได้มีการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ทั้งนี้การปรับปรุงดังกล่าวจะรวมถึงการปรับราคาจากปัจจัยของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิด้วย
เกี่ยวกับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท Holding Company ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จักระดับสากล อาทิ แมริออท, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ, บันยันทรี, ฮิลตัน และเชอราตัน และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม 1) อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการ เกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ 2) อาคารสำนักงาน (Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ
ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จหลังจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ณ วันที่ 10 ต.ค. 2562 ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (จากฐานข้อมูลของบลูมเบิร์ก)