!['เส้นใยธรรมชาติ’ เพิ่มมูลค่าใบสับปะรด สร้างรายได้เกษตรกร จ.ราชบุรี]()
กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นาย
พลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าปัจจุบัน ผลผลิตโดยตรงจากอุตสาหกรรมเกษตรส่วนใหญ่ จะใช้ใน
อุตสาหกรรมอาหาร โดยวัตถุดิบทางการเกษตรบางส่วน จะเหลือทิ้ง ซึ่งวัตถุดิบเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นได้ เช่น ใบ
สับปะรด เป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่เหลือทิ้ง ในภาคการเกษตร ในการปลูก
สับปะรดรุ่นหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี หลังจากนั้น
เกษตรกรจะรื้อถอนแปลงออกด้วยการถอนต้นแล้วเผาซึ่งเป็นการสร้างมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม หรือใช้วิธีปั่นต้นแล้วตากให้แห้งและไถฝังกลบ เป็นปุ๋ยทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ โดยภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้นำวัตถุดิบเหลือทิ้งเหล่านี้มาทำเป็นเส้นใย
ธรรมชาติ เป็นการสร้างมูลค่าให้กับใบ
สับปะรด
จากการสำรวจของ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี (สศท.10) ในพื้นที่ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี โดยสัมภาษณ์นายสมชาย อุไกรหงสา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเส้นใย
ธรรมชาติบ้านคา พบว่า
เกษตรกรในพื้นที่มีการร่วมกลุ่มผลิตเส้นใย
ธรรมชาติจากใบ
สับปะรดมาตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 22 ราย ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจฯ จะนำใบ
สับปะรดที่เหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ประมาณ 5,000 กก./ไร่ มาผลิตเส้นใย
สับปะรด โดยจะรับซื้อใบ
สับปะรดจากสมาชิกกลุ่ม ในราคากิโลกรัมละ 2 บาท จำนวน 700 – 1,000 กก./วัน จากนั้นจะนำมาคัดแยกใบ ที่มีขนาด 50 ซม. ขึ้นไป แล้วตัดแต่งส่วนโคนและปลายใบออกเพื่อนำเข้าเครื่องรีดเอากากของใบออกจนเหลือแต่เส้นใย แล้วพักไว้ 1 คืน จึงนำมาซักน้ำเปล่าจนสะอาดนำไปตากแดดประมาณ 2 วัน หรือตากในร่มที่มีอากาศถ่ายเทประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นนำมาเข้าเครื่องรีดเพื่อแยกเส้นใยอีกครั้ง จะได้เส้นใยพร้อมส่งจำหน่าย ซึ่งจุดเด่นของผลผลิตอยู่ที่การเป็นเส้นใย
ธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี ไม่ใช้สารฟอกขาว ผงซักฟอก หรือเคมีอื่นๆ
สำหรับด้านการตลาด ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 260 – 300 บาท/กก. ร้อยละ 50 ขายส่งและขายปลีกตลาดในประเทศ ได้แก่ ตลาดอุตสาหกรรมสิ่งทอ กลุ่มแม่บ้าน และลูกค้าทั่วไป ส่วนร้อยละ 50 ส่งออกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ อยู่ในช่วงของการทดลองนำเส้นใยมาทอเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้า กระเป๋า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย
ด้านนางจินตนา ปัญจะ ผู้อำนวยการ สศท.10 กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกลุ่มผลิตเส้นใย
ธรรมชาติบ้านคา สามารถผลิตเส้นใย ได้ 300 กก./เดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทางกลุ่มฯ จึงมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เพื่อให้ได้ผลผลิต ที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในอนาคต นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ กำลังทดลองและพัฒนาเครื่องรีดแบบอัตโนมัติเพื่อลดปัญหาด้านแรงงานอีกด้วย ซึ่งหากมีการขยายกำลังผลิตได้
เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มจากการขายใบ
สับปะรด ประมาณ 8,000 – 10,000 บาท/ไร่ ซึ่งขณะนี้ มีกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่สนใจเข้ามาติดต่อขอรับซื้อล่วงหน้าจำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้
เกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิตเส้นใยจากใบ
สับปะรด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายสมชาย อุไกรหงสา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเส้นใย
ธรรมชาติบ้านคา ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี โทร. 08 9837 9257
![]()
![]()