กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--ซีพี ออลล์
เหตุการณ์เพลิงไหม้หอพักนักเรียนของโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เมื่อหลายปีก่อน ยังคงเป็นที่จดจำของสังคมมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่เพียงแต่ความสูญเสียต่อชีวิตเด็กนักเรียนถึง 17 คน ที่จะเป็นกำลังหลักในการพัฒนาชุมชนและประเทศ ทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังได้แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมทั้งในเรื่ององค์ความรู้ ตลอดจนเครื่องมืออุปกรณ์ที่ดีพอในการรับมืออัคคีภัย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาที่มีนักเรียนอยู่ประจำ
ด้วยเล็งเห็นในความสำคัญนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย ซึ่งยึดถือว่าการอยู่ร่วมและเติบโตไปพร้อมกับสังคม ประกอบกับการสนับสนุนความเข้มแข็งให้กับชุมชนถือเป็นหนึ่งในภารกิจของบริษัท ตามปณิธานองค์กร "ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน" จึงได้เข้าไปส่งเสริมด้านการเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ให้กับชุมชน สถาบันการศึกษา เป็นระยะเวลากว่า 20 ปีที่หน่วยดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟของซีพี ออลล์ ได้เข้าไปถ่ายทอดความรู้ และสนับสนุนด้านอุปกรณ์ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด โรงเรียน โรงพยาบาล รวมทั้งบ้านพักคนชรา โดยมุ่งเน้นไปสู่กลุ่มเปราะบางทุกกลุ่มในสังคม
ล่าสุด ซีพี ออลล์ ได้จัดฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟให้แก่โรงเรียนโสตศึกษา จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนให้แก่เด็กที่มีความบกพร่องที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา และกรุงเทพมหานครบางส่วน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย มีทั้งนักเรียนที่อยู่ประจำ และนักเรียนที่เดินทางไปกลับ ซึ่งมีนักเรียน และบุคลากรของโรงเรียนเข้ารับการอบรม และฝึกซ้อมดับเพลิงทั้งในภาคกลางวัน และกลางคืนกว่า 220 คน
นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษา จ.นนทบุรี กล่าวว่า การอบรมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน และบุคคลากรทุกคน เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนที่มีการรับนักเรียนมาอยู่ประจำ ซึ่งมีทั้งเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาก็จะได้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ลดโอกาสที่จะเกิดความสูญเสียขึ้นได้
"เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินนั้น เขาจะไม่สามารถรับรู้จากสัญญาณเสียงได้เลย การฝึกซ้อมในวันนี้จะช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องสัญญาณต่างๆ โดยเฉพาะในภาคกลางคืน เด็กที่ไม่ได้ยินอยู่แล้ว และเป็นเด็กที่หลับลึกก็จะเป็นเรื่องลำบาก ซึ่งทางซีพี ออลล์ ได้พัฒนาวิธีการใหม่ๆ มาใช้ในการแจ้งเตือนเวลาเกิดเหตุถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ก็ต้องขอขอบคุณซีพี ออลล์ ที่เห็นความสำคัญ และให้โอกาสนักเรียนที่มีความบกพร่องเหล่านี้ และหวังว่าในโอกาสต่อๆ ไปจะได้ร่วมมือกันทำกิจกรรมดีๆ เช่นนี้อีก" นายสมชาย กล่าว
ด้าน นายสมภพ ตะราษี ผู้จัดการทั่วไปด้านชมชนสัมพันธ์ บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า เป็นแนวคิดของผู้บริหารคือคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ ตั้งแต่ประมาณปี 2538 ที่ต้องการจัดตั้งหน่วยงานฝึกอบรมดับเพลิงและซ้อมอพยพหนีไฟที่ได้มาตรฐานถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมา เบื้องต้นฝึกอบรมภายในให้แก่พนักงานในกลุ่มซีพี ออลล์ทั้งหมด รวมทั้งในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และด้วยประสบการณ์ในสถานการณ์ต่างๆ มากมาย จึงคิดว่าควรจะแบ่งปันองค์ความรู้ส่วนนี้ไปสู่สังคมด้วย เพราะร้านเซเว่นฯ ก็อยู่ในชุมชน ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุก็มีนโยบายให้ร้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปช่วยสนับสนุน เช่น การจัดหาน้ำดื่มให้แก่เจ้าหน้าที่ ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเบื้องต้น ซึ่งหากชุมชนเข้มแข็งปลอดภัยก็จะถือเป็นเรื่องดีต่อองค์กรด้วย
"ในแต่ละครั้งของการลงไปฝึกอบรมให้กับชุมชน จะต้องมีการเข้าไปศึกษาพื้นที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อดูพฤติกรรม และระบบภาพรวมต่างๆ ทั้งหมด อย่างในกรณีของโรงเรียนโสตศึกษา นนทบุรีนั้น เราได้ทำงานร่วมกับคณาจารย์ ลงพื้นที่สำรวจอาคารเรียน หอนอน อุปกรณ์ต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ ยังขาดเหลือสิ่งใด สังเกตดูพฤติกรรมของเด็ก ซึ่งเป็นเด็กที่มีข้อจำกัดด้านการได้ยิน และข้อจำกัดด้านสติปัญญา เคยมีการเสนอให้ใช้หมอนสั่นสำหรับปลุกเวลาเกิดเหตุ แต่ก็พบว่าเด็กนอนตกหมอน และเป็นเด็กที่นอนหลับลึก เราก็คิดหาวิธีการมาได้ เพราะเขาจะไวต่อความรู้สึกเมื่อถูกปลุกด้วยน้ำ จึงประยุกต์อุปกรณ์ถังดับเพลิง ปรับแรงดันให้เป็นถังพ่นน้ำไว้ใช้ปลุกเด็กให้ตื่น นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องการจัดทำป้านสัญลักษณ์ต่างๆ และในช่วงฝึกซ้อมก็ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานดับเพลิง รวมทั้งหน่วยงานพยาบาลในท้องที่เข้าร่วมฝึกซ้อมในช่วงสมมติสถานการณ์จริงด้วย" นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่ นายณัฐกิตต์ พรมชาติ วัย 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนโสตศึกษา จ.นนทบุรี กล่าวภายหลังเข้าร่วมรับการอบรมและฝึกซ้อมในครั้งนี้ว่า ได้รับความรู้จากวิทยากรที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญ อีกทั้งการได้ลงปฏิบัติจริง รวมทั้งฝึกซ้อมในการสมมุติสถานการณ์ที่เกิดเหตุจริงได้ช่วยให้มีความมั่นใจได้ว่าหากมีเหตุเกิดขึ้นก็จะสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและมีสติ
"วันนี้ได้ลงมือใช้อุปกรณ์ดับเพลิงจริงๆ ได้ทดลองเข้าควบคุมสถานการณ์เช่นการปิดแก๊ส ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าต้องทำอย่างไร อีกทั้งยังได้รับข้อแนะนำในการป้องกันความเสี่ยงในการเกิดเหตุเพลิงไหม้ เช่นต้องหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือสายไฟอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีการฝึกซ้อมอพยพอย่างเป็นระบบก็คิดว่ามีความมั่นใจขึ้น หากเกิดเหตุก็น่าจะสามารถดูแลตัวเองให้ปลอดภัย รวมทั้งดูแลคนรอบข้างได้ด้วย" นายณัฐกิตต์ กล่าว
อัคคีภัยเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ด้วยความไม่ประมาท แต่หากเกิดขึ้นแล้วเราจำเป็นต้องพร้อมรับมืออย่างมีสติ ซึ่งการปลูกฝังองค์ความรู้ทั้งในเรื่องการดับเพลิง รวมทั้งการอพยพหนีไฟก็จะช่วยลดอัตราการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินได้