กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
จากการยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ตามนโยบายรัฐบาลที่มีเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยทำให้ลดปริมาณพลาสติกที่ต้องนำไปกำจัด ประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยและประหยัดพื้นที่รองรับ รวมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ด้วย โดยรัฐบาลได้ตั้งเป้าจะยกเลิกการใช้พลาสติกประเภทครั้งเดียวทิ้ง 4 ชนิด ได้แก่ ถุง พลาสติกหูหิ้ว หลอดพลาสติก แก้วพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง และกล่องโฟมให้ได้เร็วขึ้นภายในปี พ.ศ.2564 โดยความเกี่ยวโยงระหว่างการใช้ถุงพลาสติกกับภาวะโลกร้อนคือ ยิ่งมีการใช้ถุงพลาสติกมากเท่าไหร่ การเผาไหม้ในกิจกรรมการผลิต และเผาทำลายถุงพลาสติกก็จะสูงมากขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลอยสู่ชั้นบรรยากาศโลกมากขึ้น เกิดปัญหามลภาวะต่าง ๆ มากมาย อาทิ พายุหมุนที่เกิดถี่ และรุนแรงมากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก สภาพอากาศที่แปรปรวนจนยากจะคาดเดาฤดูกาล วงจรการเกษตรเปลี่ยนแปลง และโรคระบาดใหม่ ๆ เกิดตามมา เป็นต้น
นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา (สอศ.)ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนอาชีวศึกษานำความรู้ทางวิชาชีพมาผนวกกับเทคโนโลยีคิดค้นและประดิษฐ์กระเป๋าผ้าลดโลกร้อนที่ผลิตจากธรรมชาติ สามารถพกพา และใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวก โดยนำผลิตภัณฑ์มาพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ สามารถเรียนการทำธุรกิจพร้อมกับสร้างรายได้ระหว่างเรียนตามโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษา ดังเช่น ธุรกิจแบรนด์ไอดินกลิ่นฝ้าย ของศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนี่งในทีมธุรกิจดีเด่นของโครงการอาชีวศึกษาที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระให้กับผู้เรียนอาชีวศึกษา
"น้องแป้ง" นางสาวสุทธินารถ บุญมีประเสริฐ นักศึกษาระดับชั้น ปวส.1 สาขาวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ผู้จัดการธุรกิจแบรนด์ไอดินกลิ่นฝ้าย เล่าถึงกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนว่า ถุงพลาสติกมีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน จากการศึกษาพบว่า ถุงพลาสติก 1 ใบ ต้องใช้เวลาย่อยสลายถึง450 ปี ถ้านำถุงพลาสติกไปเผาก็จะก่อให้เกิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เป็นผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และหากทุกคนหันมาใช้ถุงผ้าก็จะช่วยลดการปนเปื้อนของสารก่อมะเร็ง โดยหากใช้ถุงผ้าเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 วัน ก็จะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้มากกว่า 100 ล้านถุงต่อปี ตนและเพื่อน ๆ จึงมีแนวคิดว่าอยากให้คนไทยหันมาใช้กระเป๋าผ้าให้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันตามนโยบายรัฐบาลที่ว่า "Everyday Say No to Plastic Bags" โดยได้ออกแบบกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนให้มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามารถพับเก็บได้ และมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะบรรจุสิ่งของเวลาที่ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ สำหรับผ้าที่เลือกใช้ในการผลิตถุงผ้าลดโลกร้อน คือ ผ้าฝ้ายซึ่งมีคุณสมบัติเส้นใยผ้าเนื้อค่อนข้างเหนียว สามารถรับน้ำหนักสิ่งของได้ ทนต่อกรดและด่าง ทำความสะอาดง่าย และระบายอากาศได้ดี โดยนำผ้าฝ้ายมาย้อมสีด้วยดินภูเขาจากอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในอัตราส่วนที่เหมาะสมจนได้ผ้าฝ้ายสีส้มอิฐที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และเป็นสีสวยธรรมชาติ ตัดเย็บอย่างประณีต เป็นกระเป๋าผ้าซึ่งมี 2 ขนาด คือ ขนาดใหญ่13 x 15 นิ้ว ราคา 150 บาท และขนาดกลาง 9 x 12 นิ้ว ราคา 100 บาท โดยก่อนใช้งาน ให้นำไปแช่น้ำเกลือก่อน 1 คืนแล้วนำไปซักตามปกติจะทำให้กระเป๋าผ้าสีไม่ตก และสีติดทนนานขึ้น โดยปัจจุบันมียอดขายที่น่าพอใจ จนมีร้านรุ่งอรุณ ถนนท่าแพ และร้านพี่หนูลี ถนนคนเดินท่าแพวันอาทิตย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ติดต่อขอไปวางจำหน่ายในร้าน หากสนใจกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ "ไอดินกลิ่นฝ้าย" ได้แก่ เสื้อผ้าแฟชั่น ผ้าพันคอ หมอนอิง และพวงกุญแจ สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่โทร 065-4988235หรือไลน์ไอดี : 0987855710 หรือเฟสบุ๊กที่เพจ ไอดินกลิ่นฝ้าย หรือที่ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่
"ทั้งนี้ อยากชวนคนไทยให้เลิกใช้ถุงพลาสติก หันมาใช้กระเป๋าผ้ากันมาก ๆ จะได้ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนและประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย" น้องแป้งกล่าวทิ้งท้าย