กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกหนุน บวกสถานการณ์ต่างประเทศโดยมี "ทรัมป์" เป็นตัวป่วนทั้งข้อพิพาทสหรัฐ-อิหร่าน-สงครามการค้าสหรัฐและจีน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก จึงให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,570 - 1,600 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ชู AOT - BBL– CPF ส่วนทิศทางราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,577 ดอลลาร์ หลังกองทุน SPDR ทยอยขายทองออกมาแล้ว 20 ตัน
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงต้นปีแกว่งตัว Sideway เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน และยังมีความกังวลในประเด็นข้อพิพาทสหรัฐ-อิหร่านที่อาจจะมีปัญหาขึ้นมาอีกในอนาคต และสงครามการค้าสหรัฐและจีนอาจจะกลับมีความไม่แน่นอนอีกครั้งหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่าอาจรอให้ผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ก่อนบรรลุดีลเจรจาการค้าเฟสสองกับจีน
ประกอบกับธนาคารโลกเปิดเผยในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (GEP) ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตหนี้ทั่วโลกครั้งใหม่ โดยเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะล่มสลายทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในวงกว้างอีกครั้ง รวมทั้งปัจจัยในประเทศเรื่องปัญหาภัยแล้งปีนี้คาดว่าจะเป็นความเสี่ยงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 รวมทั้งค่าเงินบาทผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นกดดันการส่งออกและรายได้ของเกษตรกร จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีที่ระดับ 1,570 - 1,600 จุด
พร้อมทั้งยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ อาทิ ในวันที่ 14 ม.ค. นี้ทางสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. รวมทั้งการทยอยประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานในงวดปี 2562 ของกลุ่มธนาคารในวันที่ 14 - 21 ม.ค. และวันที่ 15 ม.ค. สหรัฐ – จีน มีกำหนดลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีนเฟสแรก และทางอียูจะมีการเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.
ด้านนางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ คือ การลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีนเฟสแรกในวันที่ 15 ม.ค.นี้มีเนื้อหาเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้โดยสหรัฐยังคงต้องการให้จีนซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นและนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ขณะที่สหรัฐจะระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและลดภาษีนำเข้าบางส่วน
รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีหลังผ่านพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และรัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ที่ยังน่าสนใจ ได้แก่ AOT BBL และ CPF รวมถึงหุ้น Defensive ได้แก่ BEM, PLANB และหุ้น mai เด่นปี 63 เช่น JUBILE, PSTC TACC และ SKY
ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,577 ดอลลาร์ หรือ 22,030-22,610 บาทต่อบาททองคำ โดยในสัปดาห์นี้แนะนำให้จับตาความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิหร่านยิงเครื่องบินยูเครนตก หากมีความรุนแรงในตะวันออกกลางเพิ่มเติมจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ขณะที่อิหร่าน-สหรัฐคาดว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังประธานาธิบดี "ทรัปม์" ถูกจำกัดสิทธิ์การใช้กำลังทหารกับอิหร่าน อย่างไรก็ตามราคาทองคำถูกกดดันจากกองทุน SPDR ที่เริ่มมีสถานะขาย โดยในสัปดาห์ที่แล้วมีสถานะขายกว่า 20 ตันเป็นสัญญาณการเปลี่ยนมุมมองการลงทุนในทองคำของกองทุน