กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--มหาวิทยาลัยศรีปทุม
นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมบูธผลงานของยุวชนสร้างชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุมและ ขอบคุณคนรุ่นใหม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนประเทศ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ 13 ม.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในงานพิธีเปิดตัวโครงการยุวชนสร้างชาติ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้โอวาทนักศึกษาที่เข้าร่วมจากโครงการยุวชนสร้างชาติ 500 คน จาก 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชน ว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันแก้ปัญหาความยากจน วางยุทธศาสตร์ชาติ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ทุกวันนี้ประเทศอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านและเป็นความท้าทายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้า หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น เรื่องการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมบูธแสดงผลงานของยุวชนสร้างชาติ มหาวิทยาลัยศรีปทุม อาทิ ผลงานแนวคิดในการออกแบบ นาบอน Model ซึ่งเป็นการออกแบบกระบวนการเพื่อพัฒนา ส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการจากหลายภาคส่วน สู่ "นาบอนโมเดล ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนด้วยเทคโนโลยี 4.0" โครงการยกระดับการท่องเที่ยวชุมชน ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ,ผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ "Smart Box" และ "VR Life" การนำเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Visual Reality) สำหรับผู้สูงอายุ และผลงานนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมี ดร.รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม พร้อมด้วยผศ.ดร.วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดี ,อาจารย์เปรมจิต เสาวคนธ์ รองอธิการบดี คณาจารย์และนักศึกษาSPU จากคณะสหวิทยาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ ,คณะบริหารธุรกิจ ,วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน และวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมบูธผลงานของยุวชนสร้างชาติมหาวิทยาลัยศรีปทุมที่ได้นำมาจัดแสดงในวันนี้
และท้ายสุด นายกรัฐมนตรี ได้กล่าว "ขอบคุณคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ เพราะการพัฒนาทรัพยากรเป็นเรื่องสำคัญ และทุกวันนี้ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลง โดยต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพื่อขับเคลื่อนสังคมให้ไปข้างหน้าด้วยกัน ต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมาย นอกจากนี้ อยากให้เยาวชนทุกคนร่วมมือเป็นกำลังสำคัญของชาติ เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาทดแทนคนรุ่นเก่า บางคนอาจจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี บางคนอาจเป็น ส.ส. ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศต่อไป ดังนั้นจะต้องไม่มีปัญหาขัดแย้งกัน ซึ่งวันนี้ประเทศกำลังพัฒนา จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากขึ้นทุกปี ไม่ได้ตั้งงบฯ มาใช้ประโยชน์ส่วนตัว สอดคล้องกับแผนงานระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว ซึ่งบางเรื่องอาจทำไม่ได้ทันที แต่สิ่งสำคัญต้องไม่มีการทุจริต"
สำหรับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็น 1 ใน 7 สถาบันการศึกษาของประเทศ และเป็นหนึ่งเดียวของมหาวิทยาลัยเอกชน ที่ได้เข้าร่วมในโครงการยุวชนสร้างชาติ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้นำนักศึกษาและคณาจารย์ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในการเรียนรู้เชิงพื้นที่ เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา ในการเรียนรู้และแก้ปัญหาร่วมกับชุมชน ทั้งนี้เพื่อพัฒนาชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเป้าหมายที่เห็นผลเป็นรูปธรรม และจะเป็นการเรียนรู้รูปแบบใหม่สำหรับนักศึกษา จะได้ฝึกการคิดวิเคราะห์และปฎิบัติงานจริงในพื้นที่ พร้อมกับมีอาจารย์เป็นโค้ช (Community Based Learning) สร้างนักศึกษาให้มีความรู้ควบคู่คุณธรรม นำนวัตกรรมสู่สังคมต่อไป