กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพฯสู่เมืองอาบูดาบีทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน และอีก 45 จุดหมายปลายทางทั่วโลก มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อ้างอิงจากงานวิจัยสำคัญที่ตีพิมพ์ไปเมื่อเร็วๆนี้ โดยคณะวิจัยของสหราชอาณาจักร ด้วยการเติบโตของสายการบินเอทิฮัดทำให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมากกว่า 100,000 อัตรา นับตั้งแต่ปัจจุบันถึง 10 ปีข้างหน้า
การเติบโตอย่างรวดเร็วของสายการบินที่มีศูนย์กลางการบินที่กรุงอาบูดาบี โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 45 จุดหมายปลายทาง ในระยะเวลาเพียง 4 ปี มีส่วนช่วยผลักดันการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน รวมถึงยังช่วยสร้างงานหลายพันอัตราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
งานวิจัยโดยอ๊อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า เอทิฮัด มีบทบาทสำคัญในการผลักดันธุรกิจ และการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงอาบูดาบี กับตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วของทวีปอินเดียย่อยและตะวันออกไกล
งานวิจัยของอ๊อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ มุ่งเน้นศึกษาถึงคุณภาพโดยรวมที่เอทิฮัดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองอาบูดาบีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
งานวิจัยนี้ ทำการศึกษาผลที่จะเกิดกับเศรษฐกิจในสี่ระดับ ได้แก่ โดยตรง (ภายในเอทิฮัด), โดยอ้อม (ซัพพลายเออร์ของเอทิฮัด), ทั้งทางตรงและทางอ้อม (ระดับการใช้จ่ายของพนักงานโดยตรงและโดยอ้อม) และผลกระทบโดยรวมต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ
ตามผลการวิจัยที่ค้นพบ สายการบินเอทิฮัด ได้สร้างผลประโยชน์ที่สำคัญให้เกิดแก่ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ของกรุงอาบูดาบี ณ ปัจจุบัน แม้ว่าสายการบินฯ เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2546
โดยรวมแล้ว ในปี 2550 เอทิฮัดสามารถสร้างรายได้ถึง 2,949 ล้านเหรียญดอลลาร์ ให้แก่ จีดีพี ในส่วนอื่นๆที่นอกเหนือจากธุรกิจน้ำมันของอาบูดาบี หรือคิดเป็น 6.6 เปอร์เซ็นต์ / หรือ 2.7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีรวมทั้งหมด และสามารถสร้างงานจำนวนถึง 48,813 อัตรา หรือคิดเป็นห้าเปอร์เซ็นต์ ของการจ้างงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันทั่วทั้งประเทศ
จากตัวเลขโดยรวมนี้ ในปี 2550 เอทิฮัด สามารถสร้างรายได้โดยตรงเข้าสู่เศรษฐกิจที่อยู่นอกเหนือจากน้ำมันของอาบูดาบี เป็นตัวเลขถึง 770 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 4,107 อัตรา ในประเทศ
ในส่วนรายได้โดยอ้อมที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น คิดเป็นจำนวนถึง 364 ล้านเหรียญดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.8 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี ทำให้เกิดการจ้างงาน 7,467 อัตราในปี 2550 เมื่อมองในแง่มุมของจำนวนเงินที่ถูกใช้จ่ายผ่านเอทิฮัดเข้าสู่ระบบธุรกิจโดยรวมของบรรดาซัพพลายเออร์ประเภทต่างๆในอาบูดาบี ไม่ว่าจะเป็นด้านการเป็นผู้ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง การเป็นผู้สร้างงานให้แก่ธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายที่ใช้เป็นค่าเช่าท่าอากาศยานและภาษีสนามบิน ค่าการตลาดและโฆษณา รวมไปถึง การลงทุนด้านไอทีและระบบการสื่อสาร
นอกจากนั้น จีดีพี ทั้งในทางตรงและทางอ้อม ณ ตัวเลข 373 ล้านเหรียญดอลลาร์ ยังช่วยให้เกิดการจ้างงานถึง 7,656 อัตรา และส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการใช้จ่ายเงินในช่วงปี 2550 จากบรรดาอัตราการจ้างงานเหล่านี้ ซึ่งทำงานให้กับเอทิฮัดและบรรดาซัพพลายเออร์
ผลการวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า เอทิฮัดมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นหน่วยงานที่ทำให้เกิดผลดีต่อส่วนภาคธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงการกระตุ้นให้เกิดการค้าขาย การส่งเสริมความเฟื่องฟูด้านการท่องเที่ยว การลงทุนภายในประเทศ การสร้างงานและเพิ่มผลผลิต
มร. เจมส์ โฮแกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอทิฮัด กล่าวว่า “งานวิจัยนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีการรวบรวมให้เห็นในเชิงปริมาณถึงสิ่งที่เอทิฮัดได้ร่วมสร้างการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ และเพิ่มมากขึ้นทุกขณะแก่เศรษฐกิจโดยรวมของอาบูดาบี
“ตัวเลขนี้นับว่าน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการที่เอทิฮัดเพิ่งดำเนินธุรกิจมาได้เพียงสี่ปี สามารถกล่าวได้อย่างเด่นชัดว่าเอทิฮัดเปรียบเสมือนฟันเฟืองที่ขาดไม่ได้ เพราะมันช่วยเอื้ออำนวยการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการค้า”
งานวิจัยชิ้นนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเอทิฮัดที่ได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งต่อเส้นทางการบินที่เชื่อมระหว่างอาบูดาบีและจุดหมายปลายทางทั่วโลกในเชิงเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่เครือข่ายซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเอทิฮัดกลายเป็นปัจจัยหลักที่เกื้อหนุนให้เกิดความหลากหลายทางธุรกิจที่ให้ความสนใจที่จะสร้างการลงทุนในเอมิเรตส์
อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ คาดการณ์ว่าต่อ 10 เปอร์เซ็นต์ของจุดหมายปลายทางที่เพิ่มขึ้นของเอทิฮัดจะสามารถเพิ่มระดับ จีดีพี ในระยะยาวได้ 1.1 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2550 เอทิฮัดขยายตารางบินขึ้น 29 เปอร์เซ็นต์ และส่งผลให้ธุรกิจของอาบูดาบีเพิ่มระดับการเปิดออกสู่ตลาดโลกได้เป็นอย่างมาก
มร. เอเดรียน คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการ อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า"การวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นบทบาทที่สำคัญของเอทิฮัดซึ่งมีต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจและการลงทุนในอาบูดาบี บทบาทนี้จะยิ่งขยายตัวขึ้นตามธุรกิจที่มีความหลากหลายขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลงานวิจัยก่อนหน้านี้ บ่งชี้ว่าสายการบินจากสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และเอเชีย มีส่วนช่วยผลักดันเศณษฐกิจของประเทศนั้นๆ หากแต่โดยเปรียบเทียบแล้ว เอทิฮัดสามารถสร้างผลในลักษณะเดียวกันให้เกิดแก่อาบูดาบีได้อย่างชัดเจนกว่า”
จากตัวเลขการคาดการณ์ระดับการเติบโตของเอทิฮัดในปัจจุบัน เห็นได้ว่าเมื่อถึง ปี 2554 เอทิฮัดจะสามารถสร้างผลเชิงบวกให้แก่ จีดีพี ของอาบูดาบี เพิ่มอีกกว่าถึง 67 เปอร์เซ็นต์ แตะที่ระดับ 4.9 พันล้านเหรียญดอลลาร์ ช่วยสร้างงานถึง 84,254 อัตรา และภายในปี 2559 ตัวเลขจีดีพี จะเพิ่มไปแตะระดับ 7.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงานถึง 140,565 อัตรา
ผลงานวิจัยได้แสดงได้อย่างชัดเจนถึงแผนของอาบูดาบีในการที่จะมุ่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก อีกสามปีข้างหน้า จะมีการลงทุนครั้งใหญ่ในด้านสาธารณูปโภคของท่าอาศยานในอาบูดาบี นอกจากนั้น การเปิดอาคารผู้โดยสารหลังที่สามซึ่งเป็นหลังใหม่ในปลายปีนี้ อันเป็นอาคารสำหรับเอทิฮัดโดยเฉพาะนั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอาศยานจากเจ็ดล้านคนเป็น 20 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2554
งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากสายการบินเอทิฮัด รัฐบาลของอาบูดาบี และยังได้แสดงถึงผลการสำรวจในบริษัท 210 แห่งของอาบูดาบี อีกทั้งยังมีการรวบรวมบทสัมภาษณ์เชิงลึกถึงกรณีศึกษาจากนักธุรกิจชั้นนำจำนวนมากในเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์