กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD ส่องเทรนด์ธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า) ปี 2563 สดใส รับยุคอี-คอมเมิร์ชบูมและคอนโดมิเนียมมีพื้นที่เล็กลง ลุยเปิดบริการเพิ่มอีก 2 สาขา ที่เทียมร่วมมิตรและรามอินทรา พร้อมเพิ่มบริการ 'ห้องเก็บรถ' เจาะกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ตอบโจทย์ความต้องการเช่าพื้นที่เก็บของที่มีระบบรักษาความปลอดภัยและเข้า-ออกได้ 24 ชั่วโมง
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟ
โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า) มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 จากการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการรายเดิมและผู้ประกอบรายใหม่ โดยมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งค้าขาย
ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากการขยายตัวของโครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัยในเมืองที่มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีพื้นที่เก็บของจำกัด จึงมีความจำเป็นต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเติมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัว จากปัจจัยดังกล่าว JWD จึงเห็นโอกาสขยายการลงทุน Self-Storage เพิ่มเติมในพื้นที่กรุงเทพฯ บนทำเลที่มีศักยภาพเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
ล่าสุด JWD ได้เปิดบริการ Self-Storage เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา ภายใต้ชื่อ JWD Store It! (เจดับเบิ้ลยูดี สโตร์ อิท!) ได้แก่ สาขาเทียมร่วมมิตร มีพื้นที่ให้บริการรวม 2,000 ตารางเมตร และห้องเก็บของให้เช่าเริ่มต้นที่ 1-42 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT ศูนย์วัฒนธรรม (เดินทางประมาณ 10 นาที) ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและการค้าที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น เพื่อเจาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยและค้าขายในย่านรัชดาภิเษก พระราม 9 รามคำแหงและละแวกใกล้เคียง โดยนับจากเปิดบริการเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมาถือว่ามีผลตอบรับน่าพอใจ ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการแล้ว
นอกจากนี้ ได้ขยายการให้บริการใหม่ในสาขาดังกล่าวคือ 'บริการห้องเก็บรถ' แบบ Drive-in Unit ขนาดพื้นที่ 14-16 ตารางเมตร หลังจากสำรวจพบว่ามีความต้องการเช่าพื้นที่จอดรถจากผู้พักอาศัยในย่านนี้ โดยเน้นระบบรักษาความปลอดภัยและสามารถเข้า-ออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเซอร์วิสรูปแบบใหม่ที่ JWD นำเสนอแก่ผู้บริโภค
ส่วนในวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการสาขารามอินทรา มีพื้นที่ให้บริการรวม 1,800 ตารางเมตร และห้องเก็บของให้เช่าเริ่มต้นที่ 2.4-35 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้สนใจสอบรายละเอียดการใช้บริการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยถือเป็นเป็นย่านพักอาศัยและย่านการค้าที่สำคัญของพื้นที่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการ ล่าสุดอยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างสาขาที่ 5 ย่านรามคำแหง ตั้งเป้าพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3 ปีนี้
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินงานของ JWD Store It! สาขาศรีกรีฑา (ถนนกรุงเทพกรีฑา) และสาขาสยาม ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ 98% และ 60% ตามลำดับ โดยสาขาศรีกรีฑาส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้บริการระยะยาว ส่วนสาขาสยามมีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีบริการ Safe Deposit Box (ตู้นิรภัยให้เช่า) เพื่อเก็บของมีค่า และได้เปิดให้บริการใหม่ JWD Art Space เพื่อให้บริการโลจิสติกส์และจัดเก็บงานศิลปะแบบครบวงจร ตอบสนองกลุ่มนักสะสมงานศิลปะที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บและการให้บริการขนย้ายที่ได้มาตรฐานสากล
ทั้งนี้ JWD ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำบริการ Self-Storage ในประเทศไทย โดยวางแผนงานภายใน 3 ปีข้างหน้า จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 15-20 แห่ง มีพื้นที่ให้บริการรวมมากกว่า 20,000 ตารางเมตร เน้นทำเลในเมือง ใกล้แหล่งค้าขายและพักอาศัยที่ลูกค้าสามารถเข้า-ออกได้สะดวกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน