![กนอ.ลงนามสัญญาจ้าง มารีนไทย กรุ๊ป บริหารจัดการท่าเรือฯ มาบตาพุด 10 ปี มั่นใจช่วยเพิ่มศักยภาพไทยเทียบชั้นท่าเรือระดับโลก]()
กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
กนอ. ลงนามสัญญาจ้าง 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2562-2572) ให้บริษัท มารีนไทย กรุ๊ป จำกัด รับผิดชอบดูแลการพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถของ "ท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุด" ให้ก้าวสู่เป็นท่าเรือ
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และทันสมัยระดับโลก พร้อมกับรองรับการพัฒนาอีอีซีได้อย่างเต็มที่ มั่นใจเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคม
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การจ้างเอกชนเพื่อบริหารจัด
การท่าเรือฯ
มาบตาพุด สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการของภาครัฐ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2545 เพื่อให้การบริหารจัดการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการบริการผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรม ด้วยบริการที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ภาค
อุตสาหกรรม ตลอดจนเพื่อบรรลุเป้าหมายในแผนธุรกิจของท่าเรือ
อุตสาหกรรมาบตาพุด ในการก้าวไปสู่ World Class Port กนอ. จำเป็นจะต้องสรรหาผู้มีความรู้เฉพาะด้านมาบริหารจัด
การท่าเรือฯ
มาบตาพุด ต่อเนื่องสำหรับช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2562 -2572 ต่อไป โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับสิทธิ์นี้คือ บริษัท มารีนไทย กรุ๊ป จำกัด
กนอ. จึงได้ลงนามในสัญญาจ้างบริหารจัด
การท่าเรือฯ
มาบตาพุด ระหว่างการนิคม
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัท มารีนไทย กรุ๊ป จำกัด ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมและบริหารจัดการคนประจำเรือ กลุ่มธุรกิจ
อุตสาหกรรมอู่ต่อ-ซ่อมเรือ อุปกรณ์เรือ และกลุ่มธุรกิจให้บริการรับจ้างเหมาบริหารจัด
การท่าเรือสำหรับเรือบรรทุกสินค้าทั่วไป สินค้าน้ำมัน เคมีและแก๊ส รวมถึงการบริหารจัดการระบบคลังเก็บสินค้า ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัด
การท่าเรือ มีความพร้อมในการดำเนินการด้านระบบสาธารณูปโภคทางทะเล การบำรุงรักษา รวมถึงพรั่งพร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัยสามารถบริหารจัด
การท่าเรือฯ
มาบตาพุดได้ตามวัตถุประสงค์ของ กนอ. ที่ต้องการพัฒนาให้ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลก และเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะโครงการพัฒนาท่าเรือฯ
มาบตาพุด ระยะที่ 3 พื้นที่โครงการ พื้นที่รวม 1,000 ไร่ มูลค่าโครงการรวม55,400 ล้านบาท ซึ่ง กนอ. คาดว่าผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการนี้ จะทำให้ท่าเรือฯ
มาบตาพุดเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง และ โลจิสติกส์ทางน้ำของอาเซียนสู่เศรษฐกิจนานาชาติ เป็นประตูการค้า (Gateway) เชื่อมโยงกับภูมิภาค และสนับสนุนการลงทุน
อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้ง
อุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve อีกทั้งยังมีความสามารถในการรองรับการนำเข้าก๊าซ LNG เพื่อเป็นแหล่งพลังงาน สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่น ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างเศรษฐกิจชุมชนและเพิ่มรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ นับว่าเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนอีอีซี
นางสาวสมจิณณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กนอ. ได้กำหนดนโยบายคุณภาพและสิ่งแวดล้อมของสำนักงานท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุด ตามหลักการ "Clean and Green Port With Speed and Better Service" ซึ่งหมายถึง การให้บริการที่รวดเร็วและถูกต้อง พร้อมทั้งมีมาตรฐานในคุณภาพของการบริการ เพื่อตอบสนองต่อความมุ่งมั่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนการป้องกันและลดผลกระทบทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย รวมถึงมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นในเรื่องการให้บริการ การประหยัดพลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งยังสามารถป้องกัน ควบคุม และแก้ไขเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุด จัดตั้งขึ้นตามนโยบายภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก เมื่อปี 2524 ด้วยการกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ณ
มาบตาพุด จังหวัดระยอง และแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแห่งใหม่ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2536 นับเป็นท่าเรือ
อุตสาหกรรมน้ำลึกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแห่งเดียวในประเทศไทย โดยมีปริมาณสินค้าและปริมาณงานเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีท่าเทียบเรือให้บริการ 12 ท่า ประกอบด้วยท่าเรือสาธารณะ (Public Berths) 3 ท่า ได้แก่ บจก.ไทยคอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด บจก. ไทยแท้งค์เทอร์มินอล จำกัด (TTT) และ ท่าเรือฯ
มาบตาพุด (MIT) ท่าเรือเฉพาะกิจ 9 ท่า ได้แก่ บมจ. เอ็นเอ็ฟซี (NFC) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTT GC) บจก. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) บจก. โกลว์ เอสพีพี 3 (GLOW SPP3) บจก.
มาบตาพุดแท้งค์เทอร์มินอล (MTT) บจก. บีแอลซีพี เพาเวอร์ (BLCP) บจก. พีทีทีแอลเอ็นจี (PTT LNG) บจก. พีทีที แทงค์ เทอมินัล (PTT Tank) และบจก.ระยอง เทอร์มินอล (RTC)รวมทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่ท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุด
ท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุดมีความสำคัญโดยเป็น 5 ช่องทางขนถ่ายสินค้าผ่านท่า โดยส่วนสินค้านำเข้า-ส่งออกของด่านศุลกากร
มาบตาพุดมีมูลค่า 1,028,070 ล้านบาทในปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.06 จากปีงบประมาณ 2561 สำหรับปริมาณเรือและสินค้าผ่านเข้าออก มีปริมาณเรือทั้งหมด 7,738 ลำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.17 จากปีงบประมาณ 2561 ที่มีจำนวน 7,088 ลำ และมีปริมาณสินค้ารวม 45,546,474.11 เมตริกตัน แบ่งเป็นสินค้าทั่วไปขาเข้า 30,515,495.25 เมตริกตัน และสินค้าทั่วไปขาออก 15,020,978.86 เมตริกตัน และเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักในการหารายได้ขับเคลื่อนต่อองค์กร
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาท่าเรือ
อุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้บริหารจัดการด้วยแนวทางการพัฒนา
อุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการได้รับรางวัลเมือง
อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในปี 2560-2562 โดยได้รับการรับรองระดับ Eco-Champion Eco-Excellence และ Eco-World Class ในปี 2562 ตามลำดับ รวมทั้งมีความพร้อมรองรับการเป็น SMART ECO ตามยุทธศาสตร์ของ กนอ. ต่อไป