![“นิคอน” ก้าวสู่ศักราชใหม่ ส่งเลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต “Nikon SeeMax Ultimate” ปฎิวัติวงการอีกครั้ง ด้วยโครงสร้างเลนส์มากกว่าสี่ร้อยล้านรูปแบบชูกลยุทธ์ Personalization เดินหน้าขยายฐานลูกค้าไฮเอนด์]()
กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--เฟลชแมน ฮิลลาร์ด
บริษัท
เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจัดจำหน่าย
เลนส์สายตานิคอนประจำประเทศไทย ครั้งแรกกับการเปิดตัวในประเทศไทย
เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ที่สุดของ
เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล (Progressive Lens) ด้วย
นวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอน ผู้นำแห่งเทคโนโลยีการผลิต
เลนส์ ครั้งแรกที่ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการออกแบบ
เลนส์ของตนเองผ่านแอปพลิเคชันบน iPad (PAL Sensitivity Test) ได้โครงสร้าง
เลนส์สายตามากกว่า 428,793,740 รูปแบบ พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มตลาดระดับบน (Hi-end market) ชูกลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization ตอบทุกโจทย์ของผู้สวมใส่ยุคปัจจุบัน
เลนส์โปรเกรสซีฟเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ สำหรับผู้สวมใส่แว่นที่ต้องการวิสัยทัศน์คมชัดทุกระยะการมอง ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นวัตถุจากระยะไกล กลาง และใกล้ได้อย่างต่อเนื่องไร้รอยต่อ หากแต่โครงสร้างของ
เลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไปที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีโครงสร้างที่จำกัด คือหนึ่งโครงสร้าง
เลนส์ถูกนำไปใช้สำหรับหลายค่าสายตา ทำให้ผู้สวมใส่ยังคงได้รับภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติ หลายคนรู้สึกไม่สบายตา มีอาการมึน เวียนศรีษะ ซึ่งกว่าครึ่งพบว่ามีสาเหตุมาจากการวางตำแหน่ง
เลนส์ไม่เข้ากับสรีระหรือพฤติกรรมาของผู้สวมใส่
ดร. ศุภชัย อาชีวระงับโรค ผู้จัดการทั่วไป บริษัท
เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "เพราะดวงตาทุกคู่มีการมองเห็นที่ต่างกัน เป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับลายนิ้วมือ ในปี 2563 นี้ นิคอนจึงตั้งใจที่จะแนะนำ
เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ที่สุดของ
เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล (Progressive Lens) ให้กับตลาดประเทศไทยได้รู้จัก ด้วยการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นผ่าน
นวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอนสายตาที่มีความแตกต่างเฉพาะตัวจึงได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งาน ความพิเศษของ Nikon SeeMax Ultimate ที่ไม่เหมือนใคร คือสามารถจับคู่
เลนส์แก้วตามนุษย์และโครงสร้าง
เลนส์สายตาได้ในสัดส่วน 1:1 หรือเรียกได้ว่าเป็น
เลนส์แว่นตาที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลที่แท้จริง โดย Nikon SeeMax Ultimate มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ Nikon SeeMax Ultimate Standard และ Nikon SeeMax Ultimate with Sensitivity"
"
นวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) จากนิคอนที่นำมาใช้ในการออกแบบและผลิต
เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล จะคำนึงถึง 3 ปัจจัยเป็นสำคัญ คือความต้องการ ลักษณะการใช้งาน รวมถึงความคุ้นชินในการใช้งานของผู้สวมใส่ ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ
1) การใช้ Nikon Optical Design Engine ในการคำนวนและปรับแต่ง
เลนส์ เพื่อประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุด
เลนส์ทุกชิ้นของ SeeMax Ultimate จะถูกส่งไปคิดคำนวนและปรับแต่งที่ประเทศญี่ปุ่นโดย Nikon Optical Design Engine เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของนิคอน ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลในเรื่องของความแม่นยำ ทำให้ผู้สวมใส่ได้โครงสร้าง
เลนส์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับค่าสายตาของเขา ถัดมาคือ
2) การให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ
เลนส์ของตัวเองผ่านแอปพลิเคชันบน iPad (PAL Sensitivity Test) ซึ่งทดสอบความไวต่อภาพบิดเบือนของแต่ละบุคคล ผลที่ได้คือความสบายตาและการมองเห็นที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด และขั้นตอนสุดท้าย
3) การนำค่าสถิติเดิมหรือประวัติการสวมใส่แว่นมาช่วยในการออกแบบโครงสร้าง
เลนส์ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคปรับตัวกับ
เลนส์คู่ใหม่ได้ง่ายที่สุด โดยสองขั้นตอนหลังจะเป็นขั้นตอนที่เพิ่มมาสำหรับรุ่น Nikon SeeMax Ultimate with Sensitivity ซึ่งเมื่อคำนวนออกมาแล้วจะทำให้ได้โครงสร้าง
เลนส์มากกว่า 428,793,740รูปแบบ" ดร. มายูมิ ฟาง ผู้จัดการฝ่ายวิชาการภาคพื้นอินโดไชน่า กล่าวเสริม
นิคอนไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย
เลนส์สายตาชั้นนำระดับโลก หากแต่ยังเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจไมโครชิฟ การถ่ายภาพในชั้นบรรยากาศ เครื่องสแกน กล้องดูดาว รวมถึงธุรกิจสร้างชื่ออย่าง กล้องถ่ายรูป บริษัทฯ จึงมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในหลายๆสาขาเทคโลยี ทำให้การค้นคว้าวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีทาง
เลนส์สายตาเป็นไปอย่างก้าวหน้า
"นี่คืออีกครั้งของนิคอนที่ส่ง
นวัตกรรมเลนส์แว่นตาขั้นสูงมาเพื่อ
ปฎิวัติวงการ กว่าร้อยปีของการเป็นแบรนด์แรกของโลก ที่คิดค้น
นวัตกรรมเลนส์สายตาระดับสูงและสร้างปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงในวงการ
เลนส์สายตามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเคลือบ
เลนส์เพื่อป้องกันแสงสะท้อน (anti-glare coating)
เลนส์ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีค่าสายตามากแต่ต้องการ
เลนส์บางพิเศษ (ultra-high lens)
เลนส์ใสตัดแสงสีฟ้า (clear lens to filter blue light)
เลนส์สำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูงวัยให้สามารถรับแสงที่สดใสมากขึ้น (coating to improve the brightness) และครั้งนี้กับ
เลนส์แว่นตาแห่งอนาคต (uniquely created PAL/progressive lens)ที่ยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดที่สามารถออกแบบโครงสร้างได้มากเท่านี้มาก่อน" ดร. ศุภชัย กล่าว
"ที่ผ่านมา
เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปแล้วในประเทศแคนาดา อังกฤษ ไต้หวัน และสิงคโปร์ มีการส่งมอบสินค้าไปกว่า 16,000 คู่ ด้วย
นวัตกรรมขั้นสูงล่าสุด (Insights Technology) ของนิคอน รวมถึงการให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ
เลนส์ของตัวเอง ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชันลิขสิทธิ์เฉพาะของนิคอนบน iPad (Sensitivity Test) ทำให้พบว่า กว่า 91% ผู้สวมใส่สามารถปรับตัวได้ในทันที[1] โดยไม่มีการส่งคืนสินค้า อัตราความสำเร็จในการขาย (Success Rate) เป็น 100%[2] นี่เป็นอีกเสียงช่วยยืนยันได้ดีว่า
เลนส์แว่นสายตาแห่งอนาคต (Nikon SeeMax Ultimate) เป็น
เลนส์โปรเกรสซีฟที่ออกแบบมาเพื่อเฉพาะบุคคลที่แท้จริง จะเห็นได้ว่า นิคอน ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดของ
เลนส์ หากแต่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงความเป็นตัวตนของผู้บริโภคในปัจจุบัน (personalization) มากที่สุดอีกด้วย ซึ่งเราตั้งใจที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization นี้ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดระดับบน (Hi-end market) ในประเทศไทย" ดร. ศุภชัยกล่าว
"ด้านของกลยุทธ์การบริหารความสัมพันธ์และการทำธุรกิจกับพันธมิตรทางธุรกิจเครือข่าย Nikon Global ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ผ่านโปรแกรม Train the Trainer เพื่อให้ตัวแทนมีมาตรฐานในการให้บริการเช่นเดียวกัน มีความเข้าใจในตัวสินค้าอย่างกระจ่างชัด ช่วยเสริมความมั่นใจในการจ่าย
เลนส์ให้แก่ผู้สวมใส่ โดยการอบรมนี้ เริ่มตั้งแต่การสัมภาษณ์คนไข้ ประเมินอาการ ความต้องการการแก้ไข้สายตาของคนไข้ จับคู่กับความเหมาะสมกับ
เลนส์แต่ละชนิด จนถึงการวัดสายตา และการเลือกกรอบแว่น นอกจากนี้เรายังได้จัดงานสัมมนาเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง มีวิทยากรจากหลากหลายสาขามาร่วมพูดคุย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมทักษะและแลกเปลี่ยนมุมมองที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงยังเป็นอีกช่องทางการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทั่วประเทศ
นิคอนเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของตลาด
เลนส์แว่นโปรเกสซีฟ ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามสังคมดิจิตอล ที่ผู้คนในปัจจุบันมักจะใช้สายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือจอมือถือเป็นเวลานานต่อวัน ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพสายตาในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังมองเห็นโอกาสในการแนะนำสินค้าและบริการให้กับกลุ่มคนที่ยังไม่มีรู้จัก
เลนส์แว่นโปรเกสซีฟ หรือยังไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอเพื่อการตัดสินใจ รวมถึงกลุ่มตลาดผู้ใช้คอนแทค
เลนส์อีกด้วย ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าเจาะกลุ่มผู้ที่มีความจำเป็นต้องใส่แว่นโปรเกสซีฟ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตลาดระดับบน ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 15% ของตลาดตลาด
เลนส์แว่นโปรเกสซีฟ" ดร. ศุภชัยกล่าวปิดท้าย
![]()
![]()