สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพ ชี้โอกาสการพัฒนาด้านความยั่งยืนใน 10 ปีนี้มีมูลค่า 5.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 17, 2020 08:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด - รายงาน Opportunity2030 ของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดพบโอกาสการลงทุนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals : SDGs) ในตลาดเกิดใหม่สำหรับภาคเอกชนมีมูลค่าเกือบ 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ - เป้าใหญ่มูลค่าราว 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ - โอกาสในประเทศไทยสำหรับภาคเอกชนอยู่ในด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม (SDG 9) รายงาน Opportunity2030 : The Standard Chartered SDG Investment Map ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เผยโอกาสการลงทุนสำหรับภาคเอกชนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาติในประเทศตลาดเกิดใหม่มีมูลค่ารวม 9.668 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสการลงทุนในด้านนี้ราว 5.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ รายงานฉบับดังกล่าวยังได้ระบุว่าโอกาสการลงทุนของภาคเอกชนที่ตอบโจทย์เป้าหมาย SDGs ในตลาดเกิดใหม่ จากนี้ไปจนถึงปี 2573 มีอยู่ 3 ด้าน ได้แก่: เป้าหมายที่ 6: การจัดการน้ำและสุขาภิบาล, เป้าหมายที่ 7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ และ เป้าหมายที่ 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่ง สำหรับประเทศไทย โอกาสการลงทุนหลักที่ตอบโจทย์เป้าหมาย SDG อยู่ในด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมและการยกระดับการเข้าถึงระบบดิจิทัล ซึ่งทั้งสองด้านนี้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของเป้าหมายที่ 9 ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน รายงาน Opportunity2030 พบว่า การจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมของประเทศไทยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ต้องการการลงทุนจากภาคเอกชนเป็นมูลค่าราว 4.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในระหว่างนี้ไปจนถึงปี 2573 และการเข้าถึงระบบดิจิทัลอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการผนวกอัตราจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ยังมีโอกาสในการลงทุนสำหรับภาคเอกชนในด้านนี้อยู่ถึง 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน ประชากรในประเทศไทยสามารถเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึงแล้ว (ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญตามเป้าหมายที่ 7) และร้อยละ 99 ของประชากรมีน้ำใช้ มีการจัดการน้ำและสุขาภิบาล (ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญตามเป้าหมายที่ 6) ดังนั้นในด้านนี้ โอกาสการลงทุนสำหรับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาต่อจึงมีมูลค่าอยู่ที่ราว 700 ล้านเหรียญ พลากร หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า "ประเทศไทยประสบความสำคัญในการดำเนินตามเป้าหมาย SDG มาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศไทยยังคงขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายนี้ต่อไป ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการร่วมผลักดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐก็ได้ให้การส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุน" "รายงาน Opportunity2030 เป็นการฉายภาพแผนที่สำคัญของโอกาสตามเป้าหมาย SDG สำหรับภาคเอกชนที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนที่สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยหลายล้านชีวิตต่อเนื่องไปจนถึงทศวรรษหน้า" บิล วินเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติเป็นแนวทางที่โครงการต่างๆ พยายามดำเนินตามให้ได้ ในขณะที่เราพยายามก้าวผ่านความท้าทายอันยิ่งยวดของโลก ความท้าทายเหล่านั้นได้สร้างโอกาสเฉพาะให้กับภาคเอกชน ในการที่เราจะบรรลุผลตามเป้าหมาย ภาคเอกชนต้องมีบทบาทในการลงทุนผลักดันให้โครงการต่างๆ เหล่านั้นเดินหน้าไปได้ รายงาน Opportunity2030 ได้สะท้อนภาพแผนที่ของโอกาสเหล่านี้ โดยให้ข้อมูลภาคส่วนและตลาดต่างๆ ที่นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการมุ่งสู่เป้าหมาย SDGs ในขณะเดียวกันก็ได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืน" "ตอนนี้ ยังขาดการลงทุนในประเทศที่ต้องการเงินลงทุนไปพัฒนาโครงการต่างๆ ตามเป้าหมายนี้ เราเหลือเวลาอีกแค่ 10 ปีที่จะบรรลุตามเป้าหมายเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ เราไม่มีเวลาแล้ว ต้องลงมือตอนนี้" เกี่ยวกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เราเป็นกลุ่มธนาคารสากลชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจใน 60 ตลาดที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และให้บริการลูกค้าในอีก 85 ตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการค้า การลงทุนและการสร้างความมั่งคั่ง หลักการที่สืบทอดมาและค่านิยมองค์กรของเราสะท้อนอยู่ในพันธกิจของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ว่า Here for good ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจำกัด มหาชน ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนและฮ่องกง นอกจากนี้ยังได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติในประเทศอินเดียอีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการอ่านบทความจากทีมนักเศรษฐศาสตร์ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.sc.com และติดตามสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ทาง Twitter, LinkedIn และ Facebook

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ