กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--wedigital
ในบางครอบครัวเมื่อเลือกซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง หากเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน คงไม่ค่อยมีใครนึกถึงห้องครัวสักเท่าไหร่ แต่หากเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้อาวุโสกว่าอยู่สิ่งที่คำนึงถึงอันดับแรกนั่นคือ ห้องครัว เพราะการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจของแม่บ้านแน่นอน ในยุคใหม่อาจจะไม่ค่อยมีคนทำอาหาร
ทานเองสักเท่าไหร่นัก วันนี้จะพามาดูสำหรับคนรักการทำอาหาร เมื่อเลือกซื้อบ้านแล้วเราจะเลือกครัวแบบไหนกันดี มีแบบเปิดกับแบบปิด แบบไหนที่ทุกๆคนอยากได้
วันนี้มาดูกันดีกว่าค่ะ
แบบที่ 1 ครัวแบบปิด
- ข้อดี คือ เป็นสัดเป็นส่วน และป้องกันกลิ่นที่เกิดจากการประกอบอาหารหนักๆ ไม่ให้กระจายไปทั่วบ้านได้ดีกว่า โดยปกติคนไทยเรานั้นไม่ค่อยนิยมโชว์ครัวอยู่แล้ว (ยกเว้นคนรุ่นใหม่ที่นิยมครัวแบบฝรั่ง) โดยจะกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนหรือวางตำแหน่งครัวไว้หลังบ้าน
- ข้อเสีย เมืองไทยเป็นเมืองร้อน อาจทำให้รู้สึกร้อนจากเตาไฟได้มากยิ่งขึ้นหากต้องประกอบอาหารในห้องครัวแบบปิด และถ้าหากพื้นที่ห้องครัวมีจำกัด เคาท์เตอร์ทำครัวก็จะมีขนาดเล็กตามไปด้วย เมื่อเวลาประกอบอาหารอาจจะติดขัดบ้าง เนื่องจากจุดวางอุปกรณ์ทำครัวนั้นมีพื้นที่จำกัด
แบบที่ 2 ครัวแบบเปิดโล่ง
- ข้อดี คือ มีพื้นที่กว้างไม่อึดอัดมากนัก เพราะไม่ได้ปิดกั้นผนังเป็นสัดส่วนชัดเจน เป็นครัวแบบฝรั่งที่นิยมทำกันในบ้านสมัยใหม่ ครัวแบบเปิดนั้นมักโล่งอยู่ภายในตัวบ้าน เชื่อมต่อกับห้องทานอาหารหรือห้องนั่งเล่น เช่นเดียวกับครัวไทยที่อยู่หลังบ้านแบบเปิดโล่งค่ะ
- ข้อเสีย ถึงแม้ว่าเราจะติดเครื่องดูดควันหรือกลิ่นแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากอาหารไทยบางอย่างมักมีกลิ่นฉุน จนเครื่องดูดควันอาจจะเอากลิ่นไม่อยู่ก็เป็นได้ ครัวแบบเปิดอาจจะเหมาะกับการทำอาหารที่ไม่มีกลิ่นที่ฉุน หรือกลิ่นแรงมากนักค่ะ
ถ้าหากจะนึกถึงครัวไทยหลังบ้านแบบไม่กั้นอะไรเลยก็ต้องระวังมดแมลงสาบ และเจ้าตัวแสบ(หนู) ที่อาจจะเป็นพาหะนำโรคมาได้อีกด้วย
หากประกอบหารช่วงมื้อค่ำแล้วละก็ต้องระวังยุง มด แมลงสาบ และเจ้าตัวร้ายอีกด้วย
อย่างไรแล้วก็ลองนำไปเปรียบเทียบกันดูนะคะว่าห้องครัวแบบไหนที่โดนใจคุณๆ ทั้งหลายจะได้นำไปตกแต่งห้องครัวในบ้านของเรา หรือตกแต่งห้องครัว ในคอนโดใหม่ ของคุณก็ได้เช่นเดียว สิ่งสำคัญคืออยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหลักล่ะจ้ะว่าชอบแบบไหน
https://www.ananda.co.th/th/คอนโดใหม่