บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน หวังเพิ่มโอกาสการลงทุนให้ลูกค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 24, 2020 11:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ม.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป บลจ.ทิสโก้เผยช่วงนี้นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นปันผล หลังเข้าสู่เทศกาลบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศจ่ายปันผล แถมราคาหุ้นน่าสนใจ พร้อมประกาศขยายมูลค่าโครงการกองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุนเป็น 2,000 ล้านบาท เพิ่มโอกาสการลงทุนให้ลูกค้า นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนหุ้นปันผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรอการประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ประเมินว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาหุ้นไทยในปีก่อนหน้าปรับตัวลงมามากทำให้ราคาเริ่มกลับมาน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินมาหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจอย่างหุ้นปันผลมากขึ้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนหุ้นปันผล บลจ.ทิสโก้แนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน (TISCOHD) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index และกองทุนดังกล่าวยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morning Stars (ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 62) อีกด้วย ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ใช่สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากองทุน TISCOHD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดี บลจ.ทิสโก้จึงได้ขยายมูลค่าโครงการจากเดิม 1,000 ล้านบาทเป็น 2,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน กองทุน TISCOHD ได้ในทุกวันทำการ ไม่กำหนดมูลค่าลงทุนขั้นต่ำ ทั้งนี้ หากพิจารณาราคาหุ้นปันผลในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index (SETHD) หรือ กลุ่มหุ้น 30 ตัวที่มีประวัติการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องและมีสภาพคล่องในการซื้อ-ขายสูงแล้วพบว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และถือว่าอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งตลาด โดยปัจจุบันมีระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรในอนาคต (Forward PE) อยู่ที่ 11.51 เท่า เปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 15.55 เท่า และภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบสิบปีที่ 1.25% ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยอยู่ที่ราว 1.43% ในขณะที่หุ้นปันผลในดัชนี SETHD คาดการณ์ว่ามีอัตราการปันผลในปี 2563 ที่น่าสนใจประมาณ 5% "โดยปกติแล้วหุ้นปันผลมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี เพราะนักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรับข่าวบริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายปันผล จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรับข่าวดังกล่าว อีกทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยนอกจากจะชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศ และต่างประเทศก็อยู่ในระดับต่ำมาก นอกจากนี้ หากพิจารณาที่ผลตอบแทนจากอัตราเงินปันผลตั้งแต่ปี 2554 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 พบว่า อัตราเงินปันผลของดัชนี SETHD สูงกว่าดัชนี SET ทำให้มองว่าการลงทุนในหุ้นปันผลสูง น่าจะคุ้มค่าและน่าสนใจเมื่อเทียบกับการฝากเงินหรือลงทุนในพันธบัตร และการลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคง มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย"นายสาห์รัชกล่าว ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา, TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4, www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชั่น TISCO My Funds

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ