กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--การบินไทย
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายเจือ ราชสีห์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะตรวจเยี่ยมและติดตามผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่มอบให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีพลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานกรรมการบริษัท การบินไทยฯ คณะกรรมการบริษัทฯ นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และฝ่ายบริหาร บริษัท การบินไทยฯ ให้การต้อนรับ ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาการบินไทย เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าข้อสั่งการตามนโยบายที่มอบให้แก่บริษัท การบินไทยฯ เพื่อรับทราบถึงผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เพื่อให้การบินไทยกลับมามีผลประกอบการดีขึ้น และเป็นสายการบินชั้นนำของโลกต่อไป โดยติดตามนโยบายที่มอบไว้ อาทิ แผนฟื้นฟูและแผนธุรกิจ
ความคืบหน้าการทบทวนแผนการจัดหาเครื่องบิน 38 ลำ การบริหารจัดการและโครงสร้างบริษัทฯ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา การหารายได้และผลประกอบการของบริษัทฯ นอกจากนี้ได้มอบนโยบายเพิ่มเติม เช่น การบริหารจัดการบุคลากรของบริษัทฯ การบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการบริหารจัดการและบูรณาการด้านการขาย การตลาด ระหว่างการบินไทยและไทยสมายล์ เป็นต้น
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถตามนโยบายที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบไว้ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมเพื่อให้มีกำไรอย่างยั่งยืน โดยมีความคืบหน้าของโครงการสำคัญต่างๆ ดังนี้
1. การทบทวนแผนการจัดหาเครื่องบิน จำนวน 38 ลำ ในโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2562-2569 ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบในแผนการจัดหาเครื่องบิน เพื่อทดแทนเครื่องบินปลดระวาง จำนวน 17 ลำ โดยให้สอดคล้องกับฐานะการเงินและสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป และให้ฝ่ายบริหารศึกษาแบบเครื่องบินที่จะเลือกโดยให้นำผลการศึกษาเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ส่วนของรายละเอียด อาทิ จำนวนเครื่องบิน วิธีจัดหา รวมถึงแหล่งเงินทุน บริษัทฯ จะสามารถเสนอรายละเอียดทั้งหมดแก่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในเดือนมีนาคม 2563 โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และไม่เป็นภาระทางการเงินในระยะยาวและจะนำส่งกระทรวงคมนาคม ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563
2. โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) การบินไทยได้จัดส่งเอกสารการคัดเลือกให้แก่เอกชนผู้ประสงค์ร่วมทุนเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดการยื่นข้อเสนอของเอกชนผู้ประสงค์ร่วมทุนภายในวันที่ 6 มีนาคม 2563 และจะเข้าสู่กระบวนการเจรจาต่อรองและหาข้อสรุปเพื่อนำผลการเจรจาผลการคัดเลือก และร่างสัญญาร่วมทุน เสนอขอความเห็นชอบจากสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบในเดือนสิงหาคม 2563 ต่อไป โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนผู้ประสงค์ร่วมทุนภายในเดือนสิงหาคม 2563 และคาดว่าศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาจะเปิดดำเนินกิจการได้ประมาณเดือนเมษายน 2566
3. การดำเนินการเจรจาเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท โรลส์-รอยซ์ จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท โรลส์-รอยซ์ จากกรณีเครื่องบินต้องหยุดทำการบิน จอดรออะไหล่เป็นเวลานาน จนเกิดความเสียหายและสูญเสียโอกาสธุรกิจ
บริษัทฯ ได้ดำเนินงานเพิ่มรายได้ตามแผนฟื้นฟูระยะกลาง (พ.ศ. 2563 – 2567) ด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ โดยจัดทำโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ TG Digital Transformation และโครงการพัฒนาศักยภาพการขาย และเพิ่มรายได้ Ancillary โดยใช้ Digital Marketing เพื่อปรับรูปแบบการจำหน่ายบัตรโดยสารโดยใช้ Online Sales ให้มากที่สุด และคำนึงถึงความทันสมัย รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันเร่งดำเนินการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมยังเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นการเปิดน่านฟ้าเสรี พร้อมทั้งยังย้ำให้ดำเนินการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบินไทยสามารถฟื้นฟูกิจการและมีความมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป