![เนสท์เล่สร้างต้นแบบกินดี อยู่ดี จากครูสู่เด็ก จัดเวิร์กช้อป 'กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น’ ติวเข้มการเรียนรู้โภชนาการผ่านการลงมือปฏิบัติ]()
กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
จุดเริ่มต้นของความสามารถในการเรียนรู้เริ่มจากการได้รับอาหารที่มี
โภชนาการเหมาะสมตั้งแต่วัยเยาว์
โภชนาการจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใหญ่ไม่ควรละเลย 'ครู' ในฐานะผู้ดูแลเด็กจึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงถ่ายทอดความรู้ด้าน
โภชนาการที่ถูกต้องตามทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในทางปฏิบัติ เพื่อร่วมกันสร้างพฤติกรรม 'กินดี อยู่ดี' ตามหลัก
โภชนาการ อันจะเป็นรากฐานให้เด็กไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน และมีความพร้อมในการเรียนรู้ต่อไป
โครงการเด็กไทยสุขภาพดี โดยบริษัท
เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของครูในการปลูกฝังพฤติกรรมด้าน
โภชนาการและสุขภาพที่เหมาะสมให้กับเยาวชนไทย จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษา สายงานการสอน สังกัดสพฐ. เรื่อง 'กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น' ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อร่วมกันสร้างครูไทยให้เป็นต้นแบบด้าน
โภชนาการและสุขภาพ อีกทั้งสามารถสร้างสรรค์และบูรณาการสื่อการเรียนการสอนใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้ด้าน
โภชนาการของเด็กไทยมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
นางกนกทิพย์ ปริญญานุสสรณ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและสื่อสาร
โภชนาการเพื่อสุขภาพ บริษัท
เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "โครงการเด็กไทยสุขภาพดีมีพันธกิจในการส่งเสริมเด็กไทยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องกว่า16 ปี ผ่านการพัฒนาสื่อและวิธีการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่ทำให้การเรียนรู้
โภชนาการและการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสนุก เข้าใจง่าย ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และสามารถบูรณาการเข้ากับหลากหลายวิชา โดยมีครูเป็นผู้สื่อสารและเป็นแบบอย่างที่ดี ล่าสุด โครงการฯ ได้ก้าวไปอีกขั้นสู่การพัฒนาหลักสูตรอบรมครูที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐ เพื่อติดปีกครูไทยให้มีความรู้ ทักษะ เครื่องมือการสอนที่เข้ากับยุคสมัย อีกทั้งสามารถสื่อสาร จูงใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กรุ่นใหม่นำความรู้สู่การปฏิบัติให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้าน
โภชนาการและสุขภาพทั้งในโรงเรียนและต่อเนื่องสู่ที่บ้าน อันจะนำไปสู่การพัฒนาเยาวชนไทยให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน"
งานสัมมนาครูเชิงปฏิบัติการเรื่อง 'กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น' ผ่านแนวคิดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นหนึ่งในหลักสูตรอบรมพัฒนาครูแบบเข้มข้น ที่ได้รับการรับรองและบรรจุอยู่ในหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ส.) กำหนด การอบรมซึ่งจัดขึ้นอย่างเข้มข้นตลอด 3 วัน มุ่งเน้นด้านการพัฒนา ออกแบบ จัดการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกฝังความรู้ด้าน
โภชนาการและสุขภาพ 4 หลักที่สามารถปรับใช้ได้ทั้งกับครูและนักเรียน ได้แก่ 1) อ่าน – ฉลาก
โภชนาการ อ่านเป็น กินเป็น 2) ปรับ – กินหลากหลาย เพิ่มผักผลไม้ 3) ขยับ - กินเกินเท่าไหร่ ต้องใช้ให้หมด และ 4) เปลี่ยน - ลดหวานมันเค็มแต่พอดี โดยมีครูเข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 59 คน และได้รับคะแนนประเมินจากครูที่เข้าร่วมการอบรม ทั้งในเรื่องสื่อที่ใช้ การถ่ายทอดความรู้ การนำความรู้ไปใช้ต่อได้ เฉลี่ยสูงถึงกว่า 90%
ดร.บรรเจอดพร สู่แสนสุข รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า "การศึกษาไม่ได้เริ่มต้นที่การบวกลบเลขเป็นหรืออ่านหนังสือได้ แต่การศึกษาคือการพัฒนาชีวิต และการพัฒนาเด็กให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมและมีสุขภาพแข็งแรง ควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการกิน โดยเมื่อแรกเกิด มีพ่อแม่เป็นแบบอย่าง และเมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน ครูจะต้องทำหน้าที่เป็นต้นแบบด้าน
โภชนาการให้กับเด็กด้วย ในขณะเดียวกัน ครูยังมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นให้เด็กได้ใช้ความคิด มีปฏิสัมพันธ์กับการเรียน ได้ลงมือทำ และสามารถถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับเข้าไปให้ออกมาได้อย่างเหมาะสม เช่น สามารถตอบคำถาม ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ เลือกกินอาหารที่ดีเป็น ซึ่งการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ หรือ Active Learning นี้ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการขัดเกลาทักษะและวางรากฐาน
โภชนาการที่เหมาะสมให้กับนักเรียนในศตวรรษใหม่"
เมื่อรูปแบบการเรียนรู้ในยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไป ครูจึงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนให้ก้าวทันโลก ดร.สุรยศ ทรัพย์ประกอบ อาจารย์จากวิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร อธิบายว่า "เด็กยุคใหม่ต้องการความท้าทาย ไม่ชอบทำตามคำสั่ง โจทย์ใหม่สำหรับครูจึงเป็นการทำอย่างไรให้สามารถดึงความสนใจเด็กให้รับฟังในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสาร ถ้าเด็กมองเห็นความเชื่อมโยงกันของสิ่งที่เราต้องการให้เด็กเกิดแนวคิดเรื่อง
โภชนาการ อย่างวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สอนให้เด็กรู้จักการคำนวณค่าพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการบริโภคเกินความต้องการ ก็จะเชื่อมโยงกับวิชาสุขศึกษา สังคมศึกษาและพลศึกษา การบูรณาการให้เด็กได้เห็นภาพว่าแต่ละวิชามีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันนี้จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกว่า
โภชนาการเป็นเรื่องใกล้ตัวและสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ในชีวิตจริง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันครูยังต้องปรับเทคนิคการสอนให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์การเรียนของเด็ก อย่างปัจจุบันการเรียนแบบ Learning by Doing ที่ครูทุกคนเข้าใจและใช้กันมานาน ประกอบกับหลักของ Teach Less Learn More ซึ่งทั้งสองหลักการจะทำให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย เช่น บอร์ดเกม การจำลอง (simulation) หรือ การใช้ Vlog โดยนักเรียนได้เป็น Youtuber จะสามารถดึงดูดความสนใจเด็กได้ดีกว่าการเรียนจากตำราเพียงอย่างเดียว จึงเป็นเรื่องดีที่
เนสท์เล่เห็นความสำคัญและสนับสนุนให้ครูไทยสามารถจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เหมาะสมกับเด็กยุคปัจจุบันมากขึ้น"
ด้านคุณครูสรัลชนา ก้านกลาง จากโรงเรียนบ้านคลองหลวง จังหวัดสมุทรปราการ หนึ่งในผู้เข้าอบรมกล่าวว่า "หลังจากการอบรม คุณครูเองก็ได้นำความรู้ไปใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตนเอง จนทุกวันนี้สามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างชัดเจน เมื่อลูกศิษย์และคุณครูท่านอื่นๆ ในโรงเรียนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเรา ก็รู้สึกเชื่อและให้ความร่วมมือมากขึ้น เมื่อต้องการแก้ปัญหาพฤติกรรมการกินอาหารรสหวานมันเค็มที่มากเกินไปของเด็กๆ จึงได้ขอความร่วมมือจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กำชับไม่ให้แม่ครัวปรุงรสมากเกินไป และไม่นำเครื่องปรุงมาวางในบริเวณโรงอาหาร ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ช่วงแรกๆ ก็มีคำถามจากนักเรียนบ้าง แต่เวลาผ่านไป ทุกคนก็เริ่มคุ้นชินกับรสชาติที่ไม่ต้องปรุง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่สุด"
การจัดอบรมพัฒนาครูด้วยหลักสูตรที่ได้รับการรับรองในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของโครงการเด็กไทยสุขภาพดีที่บริษัท
เนสท์เล่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอด 16 ปีที่ผ่านมา โดยยังคงมุ่งมั่นพัฒนากิจกรรมอื่นๆ ของโครงการฯ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการให้องค์ความรู้และเทคนิคการสอนใหม่ๆ แก่คุณครู การประกวดสื่อการสอน การจัดทำสื่อการสอนด้าน
โภชนาการแบบบูรณาการที่สามารถดาวน์โหลดสื่อได้ฟรีทางเว็บไซต์ dekthaidd.com ตลอดจนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ (Road show) ตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยโครงการฯ ได้เข้าถึงโรงเรียนกว่า 13,000 แห่ง ครูกว่า 8,000 คน และนักเรียนกว่า 1.7 ล้านคน และ
เนสท์เล่จะยังคงมุ่งพัฒนาทักษะครูควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ด้าน
โภชนาการและการดูแลสุขภาพใหม่ๆ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อให้การเรียนรู้ด้าน
โภชนาการและสุขภาพของทุกคนในโรงเรียนเป็นเรื่องสนุกสนานและใกล้ตัว เป็นการพัฒนาชีวิต อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงความรู้จากโรงเรียนสู่บ้าน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยมีประชากรสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 190 ประเทศทั่วโลก พนักงาน
เนสท์เล่กว่า 308,000 คนต่างมีพันธสัญญาต่อเจตนารมณ์ของ
เนสท์เล่ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคต
เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็น ที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้าน
โภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบัน
เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
![]()
![]()