กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--กรมส่งเสริมการเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตรสำรวจพื้นที่เพาะปลูกเสี่ยงแล้งต่อเนื่อง แนะวิธีดูแลไม้ผลและใช้น้ำอย่างประหยัด พร้อมปรับภารกิจโครงการเตรียมช่วยเหลือเกษตรกรช่วงฤดูแล้ง
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการสำรวจพื้นที่ปลูกไม้ผลในจังหวัดที่ฝนตกน้อยกว่า 800 มิลลิเมตร กำหนดให้เป็นพื้นที่ไม้ผลเสี่ยงขาดแคลนน้ำ และได้ร่วมประเมินกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงไม้ผลอาจได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำได้ จึงส่งข้อมูลให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ตลอดจนหน่วยงานด้านน้ำ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ เพื่อจัดทำแผนช่วยเหลือด้านน้ำแก่เกษตรกรต่อไป
ขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้แจ้งเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมเยียนเกษตรกร พื้นที่เพาะปลูก พร้อมให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการดูแลรักษาสวนไม้ผล รวมถึงการรักษาความชื้นในดิน โดยแนะนำให้ทำแนวบังลมหรือไม้ค้ำยัน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับต้นพืช และควบคุมความชื้นให้แปลงและต้นพืชด้วยเศษวัชพืชหรือฟางข้าวคลุมรอบโคนต้นพืช เป็นต้น จึงขอให้เกษตรกรมั่นใจในการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐบาล ที่ให้ทุกภาคส่วนบูรณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่
ล่าสุด นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ในการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร เน้นสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์แล้งและฝนทิ้งช่วงให้เกษตรกรปรับตัวรับมือกับภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้ง ได้ขอความร่วมมือให้พี่น้องเกษตรกรไม่เพาะปลูกเกินแผนการเพาะปลูกที่ภาครัฐกำหนด และใช้น้ำอย่างประหยัด
สำหรับโครงการและกิจกรรมของกรมส่งเสริมการเกษตร ในปี 2563 ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง ประกอบด้วย
1) การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ "เกษตรร่วมใจรับมือภัยแล้ง ปี 2563"
2) โครงการบูรณาการกิจกรรมและความร่วมมือในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำนอกเขตชลประทานเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้แก่เกษตรกร
3) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง ปี 2563
4) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตร (ตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟูเยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562)
5) โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาปี 2562/63
6) การถ่ายทอดความรู้และจัดวันสาธิตในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
และ 7) คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งอย่างทันท่วงที