![ดีอีเอส วอนอย่าหลงเชื่อข่าวลือไวรัสโคโรนา]()
กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ดีอีเอส สรุปผลมอนิเตอร์ข่าวลือ
ไวรัสโคโรนาบนโซเชียล จากการทำงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบ
เป็นข่าวปลอมถึง 22 เรื่อง และข่าวจริง 4 เรื่อง วอนคนไทยอย่าตื่นตระหนกหรือหลงเชื่อ เปิด 5 ช่องทางให้ประชาชนเข้าถึง
ข้อมูลจริงที่ได้รับการยืนยันจาก
กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว 2 ราย
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ขณะนี้ปรากฏข่าวลือเกี่ยวกับการแพ่ระบาดของเชื้อ
ไวรัสโคโรนาอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งสร้างความตระหนก และหวาดกลัวให้กับคนในสังคม ส่งผลต่อการใช้ชีวิตปกติ ขณะที่ ในโลกออนไลน์ จะพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับ
ไวรัสโคโรนาเป็นจำนวนมาก และมีการแชร์โพสต์ทั้งคลิปวิดีโอ รูปภาพ รวมถึง
ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับไวรัสดังกล่าว ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งข่าวจริง และข่าวปลอม ทางกระทรวงฯ ได้มีการตรวจสอบข่าวลือต่างๆ อย่างเข้มข้นผ่านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ Anti-Fake News Center Thailand เผยแพร่ในช่องทางของศูนย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารความจริง และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน
"ช่วงที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับสถานการณ์
ไวรัสโคโรนาจำนวนมาก ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกำลังรวบรวม
ข้อมูลต้นตอการปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมีการแชร์จนส่งผลกระทบในวงกว้าง เพื่อส่งต่อให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป"
ล่าสุด จากการทำงานร่วมกันระหว่างดีอีเอส,
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ บก.ปอท. โดย สตช. ได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษมาทำงานร่วมกันติดตามทางโซเชียล/ออนไลน์ สรุปพบจุดที่เป็นต้นทางนำเข้าข่าวปลอมแล้ว 15 จุด มีการขอศาลออกหมายค้นและปฏิบัติการตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงช่วงเช้าวันนี้ ทำการเข้าตรวจค้นทั้ง 15 จุดดังกล่าว และสามารถตรวจพบผู้ที่คิดว่าน่าจะเข้าข่ายผิด ปล่อยข่าวปลอม 6 จุด โดยในจำนวนนี้ดำเนินการสอบสวนพบว่ามีความผิดจริง และดำเนินการจับกุมแล้ว 2 ราย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ส่วนอีก 4 ราย จากการสอบสวนถึงเจตนา และไม่พบความตั้งใจในการสร้างความเสียหาย จึงทำการตักเตือน และลงบันทึกประจำวันไว้ สำหรับในพื้นที่อีก 9 จุด หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ สตช. กำลังติดตามหาตัวผู้กระทำผิดอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งอุปสรรคส่วนหนึ่งคือ ส่วนใหญ่ผู้นำเข้า
ข้อมูลข่าวปลอมใช้พื้นที่อื่นลงทะเบียน หรือไม่ได้ใช้ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่จริง ทำให้ต้องใช้เวลาติดตาม
ทั้งนี้ จากการมอนิเตอร์และรับแจ้งเรื่องเกี่ยวกับประเด็น
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตาม
ข้อมูลที่รวบรวมโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม 2563 พบว่า มีจำนวนข้อความที่แจ้งเข้ามาทั้งสิ้น 7,587 ข้อความ แต่มีจำนวนที่ต้องตรวจสอบยืนยัน (Verify) 160 ข้อความ โดยพบว่ามีข่าวที่เกี่ยวข้องโดยตรง 26 เรื่อง แบ่งเป็น ข่าวปลอม 22 เรื่อง และข่าวจริง 4 เรื่อง
โดยข่าวปลอม ได้แก่ 1.กรมควบคุมโรค หยุดใช้เครื่องตรวจวัดฯ ไวรัสโคโรน่าฯ 2. สเปรย์พ่นปาก ฆ่าเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 3. พนักงานการบินไทยติดโรคปอดอักเสบจาก
ไวรัสโคโรนาฯ 4. กรมควบคุมโรคยกเลิกการคัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน 5. คลิปสุดช็อค!
ไวรัสโคโรนา ทำคนล้มทั้งยืน 6. เชื้อ
ไวรัสโคโรนาฯ ติดต่อผ่านการมองตาได้ 7. พัทยาพบผู้ป่วยเสียชีวิตจาก
ไวรัสโคโรนา 1 ราย
8. พบผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา รักษาตัวที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 9. พบผู้ป่วยติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา เสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เพิ่ม 1 ราย 10. ผู้ป่วยติดเชื่อไวรัสโคโรน่า เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จ. นครราชสีมา 11. สีจิ้นผิงสั่งใช้กฏหมายสูงสุด วิสามัญโดยเจ้าหน้าที่ 12. วิธีป้องกันคือ ต้องรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอฯ 13. รัฐบาลจีนปิดบัง
ข้อมูล แท้จริงมีผู้ติดเชื้อ 90,000 ราย 14. ติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนาทำให้เสียชีวิตทุกรายในเวลาอันสั้น 15. เตือน! เขตคลองเตยให้ใส่แมส รอฟังแถลงข่าวฯ 2 รายในไอซียู 16. ชื้อ H3N2 ระบาดถึงเชียงใหม่ '
ไวรัสโคโรนา" ตัวใหม่จากอู่ฮั่น
17. เชื้อ
ไวรัสโคโรนาทำพิษ ชาวจีนล้มตึงกลางกลางสุวรรณภูมิ 18. แพทย์ชี้นั่งเครื่องพร้อมผู้ป่วย
ไวรัสโคโรนา มีโอกาสติดเชื้อทั้งลำ 19. พบผู้ติดเชื้อโคโรนาที่จังหวัดศรีสะเกษ 20. ล่าสุดกรุงเทพติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 5 ราย
21. เชื้อ
ไวรัสโคโรนาระบาดหนัก คาดคนตายนับไม่ถ้วน รัฐสั่งทุกสื่อปิดข่าว และ 22. แชร์ว่อน!! ยืนยันสนามบินภูเก็ต ไร้จุดคัดกรอง "
ไวรัสโคโรนา"
ส่วนข่าวจริง ประกอบด้วย 1.กรมควบคุมโรคยืนยันไม่หยุดคัดกรอง และเพิ่มความเข้มข้นในการรับมือ
ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จริงหรือ? 2. ประกาศ!! หน้าเว็บโรคปอดอักเสบจาก
ไวรัสโคโรนามีการปรับเปลี่ยนลิงค์ที่เผยแพร่ใหม่ จาก .html เป็น php จริงหรือ? 3. ผู้ป่วย
ไวรัสโคโรนา จ.นครปฐม ผลตรวจเป็นลบ สธ.รับมือเข้ม ชี้ชัดไม่พบการระบาดในไทย จริงหรือ? และ 4. คปภ.แจง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันภัยการเดินทาง คุ้มครองโรค
ไวรัสโคโรนา
นายพุทธิพงษ์ กล่าวย้ำว่า กระทรวงฯ มีความห่วงใยประชาชนเรื่องข่าวลือ ข่าวปลอม ขอให้อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อข่าวลือต่าง ๆ ควรจะหา
ข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนจะแชร์จะบอกต่อ ซึ่งทาง
กระทรวงสาธารณสุข จะมีการเฝ้าระวังและมีการชี้แจงสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงโดยไม่ปิดบัง
ข้อมูลใด ๆ โดยศูนย์ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center) จะมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์และ
เป็นข่าวที่ได้รับการยืนยันจาก
กระทรวงสาธารณสุข ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center (https://www.facebook.com/AntiFakeNewsCenter/) ทวิตเตอร์ @AfncThailand (https://twitter.com/afncthailand) และไลน์ออฟฟิเชียล @antifakenewscenter
ที่ผ่านมา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมดำเนินการตรวจสอบข้อความจากช่องทางต่างๆ และการใช้ Social Listening Tool กว่า 2.16 ล้านข้อความ แบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ หมวดสุขภาพ 61% หมวดนโยบายรัฐ 27% หมวดเศรษฐกิจ 10% หมวดภัยพิบัติ 2% โดยได้ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐเจ้าของเรื่องในการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งจัดจัดทำ
ข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายพร้อมภาพประชาสัมพันธ์ (Infographic) ให้แก่ประชาชนรับทราบไปแล้วกว่า 146 เรื่อง ซึ่งพบว่า หมวดสุขภาพจะมีความเชื่อกันได้ง่ายแชร์ต่อบอกต่อกันได้ง่าย และจะเห็นเปอร์เซ็นว่าเยอะกว่าทุกหมวด
"ขณะนี้เข้าใจว่าอารมณ์คนไทยมีความตื่นตระหนก ดังนั้น หากเจอข่าวแปลกๆ และไม่มั่นใจ อย่าเพิ่งแชร์ หรือส่งต่อ ขอให้มีการตรวจสอบกับสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 หรือกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับ
ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับ
ไวรัสโคโรนา ส่วนการป้องกัน ขอแนะนำว่า หลักการเหมือนกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ คือ หลีกเลี่ยงการไปในที่มีคนแออัด ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัย" รมว.ดีอีเอสกล่าว
![]()