กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงรายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนเกษตร พบว่า ปี 2562 อยู่ที่ 269,449 บาท/ครัวเรือน/ปี แบ่งเป็น รายได้เงินสดสุทธิเกษตร 78,604 บาท (ร้อยละ 30) และรายได้เงินสดนอกเกษตร 190,845 บาท (ร้อยละ 70) ซึ่งภาพรวมรายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนในปี 2562 เพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 9.02 จากปี 2561 ซึ่งมีรายได้ 247,150 บาท/ครัวเรือน/ปี
ขณะที่หนี้สินครัวเรือนเกษตร ปี 2562 อยู่ที่ 221,490 บาท/ครัวเรือน/ปี โดยหนี้สินส่วนใหญ่ร้อยละ 55 กู้มาเพื่อการเกษตร และร้อยละ 45 กู้เพื่อนอกการเกษตร ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อทรัพย์สินเช่น บ้าน/ที่ดิน/และทรัพย์สินอื่นๆ นอกการเกษตร และส่วนหนึ่งมาจากการเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายขึ้นเพื่อใช้สำหรับการลงทุนที่ก่อให้เกิดรายได้ของเกษตรกร โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการบริโภค 182,034 บาท/ครัวเรือน/ปี พบว่า ครัวเรือนเกษตรจะยังมีเงินสดคงเหลือ 87,414 บาท/ครัวเรือน/ปี (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครัวเรือนเกษตรส่วนใหญ่ ยังมีความสามารถในการชำระคืนหนี้สินอยู่
สำหรับปี 2563 สศก. คาดว่าสภาวะการณ์และปัจจัยต่างๆ อาจส่งผลกระทบและท้าทายต่อการพัฒนาภาคการเกษตรของไทยในหลายประเด็น ซึ่งภาครัฐมีมาตรการในการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพียงพอ อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกรใน 5 สินค้าหลักสำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งครอบคลุมครัวเรือนเกษตรกรกว่า 6.8 ล้านครัวเรือน การสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่มีสินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบ และการบริหารจัดการสินค้าอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ยังได้เร่งแผนการขับเคลื่อนภาคการเกษตร ปี 2563 ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เดินหน้าขับเคลื่อนแล้วทันที ได้แก่ การบริหารจัดการแหล่งน้ำทั้งระบบในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง การส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วลิสง และถั่วเขียว ซึ่งตลาดยังมีความต้องการสูง การปฏิบัติการฝนหลวง อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการจ้างงานในช่วงฤดูแล้ง 41,000 อัตราของกรมชลประทาน และการขุดสระน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน 40,000 บ่อ สำหรับใช้ในการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนต่อไป