กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2 ผู้นำภาคเศรษฐกิจไทย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และดร. ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจทีมโรดโชว์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทจดทะเบียน 16 บริษัทร่วมงาน 30th Anniversary Sino — Thai Relations Roadshow ณ กรุงปักกิ่ง 25—26 ส.ค. 48นี้ สร้างความสนใจแก่สถาบันการลงทุนในจีนและมองไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่ดี ที่สุดในอาเซียน ย้ำไทยได้เปรียบเรื่องความไว้ใจและสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นกับจีน เผยมีผู้แทนนักลงทุนจีนเข้าร่วมฟังข้อมูลบริษัทจดทะเบียนกว่า 80 ราย จาก 40 บริษัทชั้นนำ
ในงาน 30th Anniversary Sino — Thai Relations Roadshow ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อ 25 สิงหาคม 2548 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงข่าว ว่าการจัดโรดโชว์ครั้งนี้เป็นอีกก้าวที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนได้พบกับตัวแทน นักลงทุนจีนเป็นครั้งแรก โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจีนมีมูลค่าการค้ากับไทยถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนภาคการลงทุนนั้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีบริษัทจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้วเกือบ 300 บริษัท โดยมูลค่าการลงทุนของนักลงทุนจีนที่ลงทุนในไทยจะขยายตัวประมาณปีละ 30-40% โดยในปีนี้คาดว่าจะเติบโตถึง 40% ดังนั้น การมานำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครั้งนี้ เนื่องจากตลาดทุนไทยยังมีโอกาสในการลงทุน โดยกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุกในแต่ละมณฑลของจีนพร้อมๆ กันทั้งในเชิงการค้า การลงทุน และท่องเที่ยว
รัฐบาลไทยให้ข้อมูลที่น่าสนใจของไทยต่อนักลงทุนจีนใน 3 ประเด็นคือ 1) ไทยมีข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งในการเป็นประตูสู่การลงทุนในอาเซียน 2) ไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และ3) ไทยจะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปได้อีกมาก
“เพื่อดึงนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยทั้งทางตรง และทางอ้อมคือการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจึงต้องมีการกระชับความสัมพันธ์กับทุกเมืองและทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดยก้าวต่อไปจะเชิญนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เป็นเจ้าของกิจการในจีน หรือ Young President Organization หรือ YPO ไปประเทศไทยและให้ผู้บริหารระดับสูงของไทยได้มีโอกาสพบกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์และนำไปสู่การลงทุนร่วมกันต่อไป”
ด้านดร.ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประเทศจีนมีเงินทุนสำรองมากกว่า 7.5 แสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องการสร้างโอกาสในการหาผลตอบแทน โดยในปัจจุบันการลงทุนของจีนยังมีน้อยอยู่ โดยมีการลงทุนผ่านวาณิชธนกิจฮ่องกง ซึ่งไทยต้องเชิญชวนและทำอย่างไรที่จะให้นักธุรกิจเข้าไปลงทุนในไทยให้มากที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ในการเตรียมความพร้อมพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน กฎหมาย และด้านสังคม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเมกกะโปรเจ็คต์ และตลาดทุน โดยในอดีตไทยมุ่งเน้นการลงทุนจากตะวันตก แต่ด้วยโอกาสและศักยภาพของตลาดจีน เราจึงต้องหันมาสนใจและสนับสนุนอย่างจริงจังด้วยกลยุทธ์เชิงรุก
ในโอกาสเดียวกัน Vice Minister Shao Ning of the State Asset Supervision and Administration Commission (SASAC) ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ดูแลด้านรัฐวิสาหกิจของจีนได้กล่าวเปิดงาน และแสดงความยินดีต่อสัมพันธภาพที่ดีและที่มีมาเนิ่นนานระหว่างไทยและจีน ซึ่งจะช่วยเร่งให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายธนินทร เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หนึ่งใน ผู้บริหารระดับสูงที่ร่วมเดินทางมาให้ข้อมูลในครั้งนี้ โดยบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารมีการลงทุนขนาดใหญ่และต่อเนื่องในจีนได้กล่าวเชิญชวนผู้ลงทุนชาวจีนว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยมีความผูกพันใกล้ชิดกันมาก และการมาของ ฯพณฯท่าน รองนายกรัฐมนตรี สมคิด ในครั้งนี้ ท่านได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ
และในโอกาสการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 30 ปี บริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริษัทในประเทศจีนได้มีโอกาสไปลงทุนในประเทศไทย โดยได้นำ 16 บริษัทหลักๆ ชั้นนำของประเทศมานำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนจีน ให้มีความเข้าใจว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินการอย่างไร ขอให้นักธุรกิจทุกคนศึกษาสภาพการลงทุนของไทยก่อนว่ามีความเหมาะสมกับการ ลงทุนหรือไม่ จึงขอเชิญชวนให้บริษัทใหญ่ ๆ ของจีนไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉพาะการส่งออกและการนำเข้าของประเทศไทย จัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก เพราะฉะนั้น ประเทศไทย จัดได้ว่าเป็นประตูที่เปิดตลาดอาเซียน ”
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า "ในงานนี้มีผู้แทนจากวาณิชธนกิจ และสถาบันการลงทุนของจีนที่มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมฟังการนำเสนอข้อมูลของทั้ง 16 บริษัท กว่า 80 ท่าน จาก 42 สถาบัน อาทิ CITIC Group, LB RICHLAND Investment Management Co.ltd , China Emerge Investment Corporation, Bank of Beijing, ABN AMRO Xiangcai Fund เป็นต้น
โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้ช่วยรัฐมนตรี Shao Ning ซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศระดับสูงของจีน เข้าร่วมงาน ด้วยซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ได้พบกันและสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯในฐานะกลไกของตลาดทุนก็มีความคาดหวังว่าการใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุกครั้งนี้จะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยอย่างมาก และการจัดงานได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนของจีนเป็นอย่างมาก โดยมีหนังสือพิมพ์ด้านเศรษฐกิจ และสื่อโทรทัศน์กว่า 10 แห่ง เข้าร่วมงานและนำเสนอข่าวสารอย่างแพร่หลาย” รองผู้จัดการกล่าว
นางสาวโสภาวดีกล่าวต่อว่า “ในช่วงบ่ายของวันนี้ (25 ส.ค.48) คณะจากประเทศไทย นำโดย ฯ พณฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. ทนง พิทยะ รวมทั้ง ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ของจีน เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการบริหารตลาดทุนกับนาย ชาง ฟูหลิน ประธานคณะกรรมการก.ล.ต. มีประเด็น ที่น่าสนใจคือ การซื้อขายตราสารหนี้ของบุคคลธรรมดาในจีนไม่เสียภาษีเมื่อได้กำไร แต่เสียภาษีเมื่อได้รับดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งเท่ากับกรณีของเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินฝาก
รวมทั้งการสนทนาในประเด็นที่มีประโยชน์หลายประการไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหารตลาดตราสารทุน และตลาดตราสารหนี้ และประเด็นเรื่อง ธุรกิจแอลกอฮอล์ ซึ่งทางก.ล.ต. จีน อนุญาตให้ระดมทุนและ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งขณะนี้ มีบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ของจีนแล้วกว่า 10 บริษัท”
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--