![นักวิจัย สกสว. สกัด 'น้ำมันจระเข้’ พบมีโอเมก้า 9 สูง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ 'เจลบำรุงผิวต้านการอักเสบ’]()
กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ใครว่า
จระเข้มีดีแค่เนื้อและหนัง เมื่อนักวิจัย สกสว. ศึกษาพบ 'ไขมัน
จระเข้น้ำจืด' วัสดุเหลือทิ้งจาก
อุตสาหกรรมการเลี้ยง
จระเข้ มีกรดไขมันโอเมก้า 9 สูง มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดและยับยั้งการอักเสบ เผยพัฒนากระบวนการสกัดน้ำมัน
จระเข้ได้สำเร็จ พร้อมต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ 'เจลบำรุงผิวต้านการอักเสบจากไขมัน
จระเข้' วางจำหน่ายแล้ว
'ไขมัน
จระเข้' นับเป็นของเหลือทิ้งที่สร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมการผลิตหนังและเนื้อ
จระเข้น้ำจืดอย่างมาก เพราะหากทิ้งไว้จะเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น และสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม ขณะที่การกำจัดต้องมีการฝังกลบอย่างถูกวิธี และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
นายเมธัส เงินจันทร์ นักศึกษาปริญญาเอก คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบต่างประสบปัญหาในการกำจัดไขมัน
จระเข้น้ำจืด ดังเช่น
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทราย จังหวัดสงขลา ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงขุน
จระเข้น้ำจืดในบ่อดิน เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อ
จระเข้แช่แข็ง แปรรูปหนัง และผลิตเลือด
จระเข้แห้ง มีกำลังการผลิต
จระเข้ 250-400 ตัว/เดือน แต่ละเดือนมีก้อนไขมันในช่องท้องที่เป็นส่วนเหลือจากการแปรรูปมากถึง 8 ตัน เดิมทีกลุ่มฯ จะเก็บก้อนไขมันแช่แข็งไว้รอจำหน่าย แต่ไม่คุ้มราคา สุดท้ายต้องกำจัดทิ้งด้วยการฝังกลบ โดยต้องใช้รถแบคโฮขุดในระดับความลึกที่กฎหมายกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดมูลค่าสูงนับล้านบาทต่อปี
เพื่อหาแนวทางในการนำไขมัน
จระเข้ไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม นายเมธัส เงินจันทร์ ได้ศึกษาวิจัย 'ผลของน้ำมัน
จระเข้น้ำจืดต่อภาวะเครียดออกซิเดชั่นและการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในหนูขาวเพื่อการเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร' โดยมี ผศ.ดร.ดวงพร อมรเลิศพิศาล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางการเกษตรสำหรับบัณฑิตผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ภายใต้ทุนโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่อ
อุตสาหกรรม (พวอ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
นายเมธัส กล่าวว่า ในงานวิจัยได้นำก้อนไขมัน
จระเข้จากกลุ่มวิสาหกิจฯ มาสกัดน้ำมัน เพื่อวิเคราะห์หาสารประกอบและสารสำคัญต่างๆ รวมทั้งทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ พบว่า น้ำมัน
จระเข้นั้นอุดมไปด้วยสารสำคัญต่างๆ มีกรดไขมันอิ่มตัว 28.5% กรดไขมันไม่อิ่มตัว 71.5% และมีสัดส่วนของกรดไขมันโอเมก้า 9 สูงถึง 44.13% ซึ่งมีประโยชน์ในการควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด ลดกระบวนการอักเสบได้ดี
"การพบปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 9 ที่สูงมากในน้ำมัน
จระเข้ ทำให้มีความสนใจเรื่องประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะเคยมีรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันปลาจากกลุ่มปลาหนังลูกผสม (hybrid catfish) ที่มีโอเมก้า 9 สูง สามารถลดระดับน้ำตาลกลูโคส ไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดของหนูขาวที่มีภาวะเบาหวานได้ แต่ในครั้งนี้งานวิจัยมุ่งศึกษาจำเพาะไปที่ 'กลไกการพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อลาย' เนื่องจากในภาวะปกติเมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มสูงขึ้นหลังมื้ออาหาร ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนออกมาสู่กระแสเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนอินซูลินจะมีกลไกกระตุ้นการพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อลาย และพบว่าสามารถพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อลายได้มากถึง 70% ดังนั้นสารหรือยาใดก็ตามที่กระตุ้นหรือเพิ่มการพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อลายได้ แสดงว่ามีศักยภาพที่จะนำไปช่วยควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้
ทีมวิจัยได้ศึกษา 'ผลของการใช้น้ำมัน
จระเข้ต่อการพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อกระบังลมของหนูขาว' โดยการให้อาหารที่มีส่วนผสมน้ำมัน
จระเข้ที่ความเข้มข้นต่างกันแก่หนูขาว พบว่า น้ำมัน
จระเข้สามารถเพิ่มการพากลูโคสเข้ากล้ามเนื้อในภาวะที่มีฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างมีนัยสำคัญ มีโอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับป้องกันผู้ที่มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานในอนาคต"
อย่างไรก็ดี กรดไขมันโอเมก้า 9 เป็นกรดไขมันดีที่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งช่วยบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากแสงแดด รวมทั้งยังมีมีฤทธิ์ลดการอักเสบได้ดี ต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรีย ช่วยสมานแผล กระตุ้นชั้นเซลล์ผิวใหม่ทำให้แผลหายเร็วขึ้น จึงเหมาะต่อการนำไปสร้างผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
นายเมธัส กล่าวว่า ขณะนี้มีการศึกษาพัฒนาเทคนิคกระบวนการสกัดสารออกฤทธิ์สำคัญจากน้ำมัน
จระเข้ โดยวิจัยหาสภาวะต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความดัน และระยะเวลาที่เหมาะสมในการสกัดสารออกฤทธิ์ให้ได้ในปริมาณมากและมีต้นทุนต่ำได้สำเร็จ เพื่อนำมาใช้เป็น 'สารให้ประโยชน์เชิงหน้าที่ หรือ Functional ingredient' สำหรับต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เบื้องต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ 'เจลบำรุงผิวต้านการอักเสบจากน้ำมัน
จระเข้' ได้สำเร็จ มีสรรพคุณเด่น คือบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและต้านการอักเสบกล้ามเนื้อ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือกลุ่มผู้ที่มีอาการปวด เมื่อย มีการอักเสบของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้มีสภาวะเสี่ยงต่อ Office syndrome โดยผลิตภัณฑ์มีการขออนุญาตจดแจ้งผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และผลิตวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ภายใต้แบรนด์ KEAH ของ บริษัท บี.เอส.เอ็น ไลฟ์ จำกัด ส่วนในอนาคต ทีมวิจัยเตรียมพัฒนาน้ำมัน
จระเข้สู้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น โฟมล้างหน้า เซรั่มบำรุงผิว และครีมกันแดด เป็นต้น"
งานวิจัยครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับไขมัน
จระเข้ซึ่งเป็นของเหลือทิ้ง ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตหนังและเนื้อ
จระเข้มีรายได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการทำให้เกิด Zero waste ลดของเสียให้เป็นศูนย์ ส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อหยุดการสร้างมลพิษให้แก่โลก
![]()
![]()