![ทาสแมวมั่นใจ นักวิจัยเผยข้อมูล โคโรนาแมวคนละสายพันธุ์กับไวรัสอู่ฮั่น ไม่ติดสู่คน แนะปลอดภัยไว้ก่อน กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ]()
กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
จากกรณีสำนักข่าว เดลีเมล์ รายงานว่า กระแสหวาดผวาไวรัส
อู่ฮั่น ทำให้ทางการจีนสั่งให้ประชาชนทิ้ง
สัตว์เลี้ยงในบ้าน อ้างว่าอาจเป็นพาหะแพร่เชื้อ
ไวรัสโคโรนา ทั้งที่
องค์การอนามัยโลก (
WHO) ยืนยันว่าไม่เคยมีหลักฐานว่า
ไวรัสโคโรนาจะติดต่อผ่าน
แมวหรือสุนัขได้
ผศ.สพ.ญ.ดร.ศิรินทร์ ธีระวัฒนศิริกุล นักวิจัยจาก ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ยืนยัน
ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า
ไวรัสโคโรนา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคใน
แมวได้เช่นกัน แต่เป็นคนละสายพันธุ์กับ
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัส
อู่ฮั่น (nCoV-2019) ในทางการแพทย์ได้ตรวจพบ
ไวรัสโคโรนาในสัตว์มานานแล้ว ซึ่ง
ไวรัสโคโรนาในสัตว์นั้นเป็นไวรัสที่จำเพาะเจาะจงในแต่ละสายพันธุ์ จะไม่แพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์สัตว์ โดยในสุนัขจะมี
ไวรัสโคโรนาเฉพาะสายพันธุ์ คือ Canine coronavirus ส่วนใน
แมวไวรัสโคโรนาเฉพาะสายพันธุ์ คือ Feline coronavirus (FCoV) ทั้งนี้โคโรนาไวรัสในสุนัขและ
แมวนั้นคนละสายพันธุ์กัน ดังนั้นเมื่อติดเชื้อจึงจะแสดงอาการต่างกัน
สำหรับ
ไวรัสโคโรนาใน
แมว (Feline coronavirus หรือ FCoV) เป็นไวรัสที่สามารถพบได้ในลำไส้ของ
แมว โดยมักจะพบการแพร่ของเชื้อไวรัสนี้ได้ในการเลี้ยง
แมวร่วมกันหลายตัว และใช้กะบะทรายขับถ่ายร่วมกัน เนื่องจากมีการแพร่เชื้อผ่านการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีเชื้อ ไวรัสตัวนี้จะก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารใน
แมว แมวอาจไม่แสดงอาการใดๆเลย หรือมีอาการลำไส้อักเสบและท้องเสียไม่รุนแรง ไปจนถึงพัฒนาเป็นโรค "เยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อใน
แมว" (FIP) ที่
แมวจะมีอาการซึม เบื่ออาหาร หายใจผิดปกติ ไปจนถึงมีอาการที่รุนแรงขึ้นคือ พบของเหลวขังตามช่องอกหรือช่องท้อง และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หาย หรือวัคซีนที่ป้องกันไวรัสตัวนี้ให้ได้ผลจริง ๆ ในการรักษาในปัจจุบันจึงเป็นการรักษาแบบพยุงหรือประคับประคองอาการเท่านั้น สำหรับคำถามที่ว่า "มีโอกาสแพร่จาก
แมวสู่คนได้หรือไม่ ?" นั้น ปัจจุบันยังไม่มีรายงานใดว่ามีการแพร่กระจายของ
ไวรัสโคโรนาใน
แมวมาสู่คน ทั้งจากการคลุกคลีกับ
แมวหรือการกิน
แมว แต่คำแนะนำคือ "เราไม่ควรกินสัตว์ที่ไม่ได้มาจากปศุสัตว์เพื่อการบริโภค ให้กินอาหารปรุงสุกใหม่ๆ สะอาด ใช้ช้อนกลางจะดีที่สุด"
ทั้งนี้ในช่วง ปี 2560 – 2562 ที่ผ่านมา ตนและทีมได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง "การตรวจคัดกรองโมเลกุลขนาดเล็กที่ยับยั้งโปรติเอสหลักของ
ไวรัสโคโรนาใน
แมวโดยใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อศึกษายาหรือสารที่มีโมเลกุลเล็กที่สามารถต้าน
ไวรัสโคโรนาใน
แมว ชนิดที่ก่อโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อใน
แมว ที่มีความรุนแรงมากใน
แมวอายุน้อย หรือ
แมวที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ และมีอัตราการตายสูง โดยผลงานวิจัย พบสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่ต้านการติดเชื้อของไวรัสและต้านการทำงานโปรตีนของ
ไวรัสโคโรนาที่ชื่อ 3C - like protease ได้โดยตรง จำนวน 3 สาร ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาต่อเป็นยารักษาโรคในกลุ่ม
ไวรัสโคโรนาใน
แมว และโรค
ไวรัสโคโรนาอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ในช่วงท้าย ผศ.สพ.ญ.ดร.ศิรินทร์ ได้กล่าวแสดงทัศนะถึงความสำคัญของงานวิจัยที่มีต่อสังคมว่า
"งานวิจัยทุกชิ้นมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (Basic science) ที่ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่จะศึกษาได้อย่างลึกซึ้ง จากจุดเล็กๆ ทีละส่วนขององค์ความรู้ จะสามารถพัฒนาหรือต่อยอดสมบูรณ์มากขึ้น และทำให้เรารู้เท่าทันและรับมือปัญหาปัจจุบันทันที เช่น สภาวการณ์ที่มีโรคระบาด หรือโรคอุบัติใหม่ เป็นต้น สามารถนำความรู้ที่ได้จากผลงานวิจัยมาต่อยอด ตอบโจทย์ปัญหาในสังคม และช่วยทำให้สื่อสารสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนสังคมได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้องค์ความรู้ที่เป็นจุดเล็กๆ จากผลงานวิจัยจะสามารถมาพัฒนาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในภาวะวิกฤตอย่างกรณีการแพร่ระบาดของ
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นต้น"