กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด
นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว หลายคนคงเริ่มวางแผนเพื่อให้ปี 2020 เป็นปีที่มีความสุขและประสบความสำเร็จกันอีกปี ซึ่งเชื่อว่าหนึ่งในหัวข้อ "Just Do It 2020" เรื่องของความสวยความงามอย่าง "การศัลยกรรม" น่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคนด้วยเช่นกัน
จากผลการสำรวจพฤติกรรมการศัลยกรรมของประชากรทั่วโลก โดยสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ หรือ ISAPS (International Society of Aesthetic Plastic Surgery) ปี 2018 พบว่าความนิยมในการทำศัลยกรรมยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ความนิยมในการทำศัลยกรรมยังเป็นเทรนด์ที่มีการตอบรับพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งยืนยันได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับจากปี 2017 ประมาณ 5.4%
สำหรับประเทศไทย มีการทำศัลยกรรมมากถึง 1.5% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ 69 ล้านคน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีจำนวนคนทำศัลยกรรมมากที่สุดอันดับ 10 ของโลกอีกด้วย โดยศัลยกรรมยอดฮิต 5 อันดับแรก ปี 2019 อันดับ 1 คงต้องยกให้กับ "ศัลยกรรมดึงหน้า" รองลงมาคือ ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมหน้าอก, ศัลยกรรมจมูก และศัลยกรรมหน้าท้อง – ดูดไขมัน
ทั้งนี้ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรม รพ.บางมด ได้เปิดเผยความนิยมของคนไทยที่มีต่อการทำศัลยกรรมในปัจจุบันว่า
"ปัจจุบันการทำศัลยกรรมความงามมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากเดิมในทุกๆ ปี และมีช่วงวัยหลากหลายมากขึ้น เช่น ในกลุ่มอายุ 25 – 35 ปี มักนิยมศัลยกรรมจมูก, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมหน้าอก แต่หากเป็นกลุ่มช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป จะให้ความสนใจศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมตา เนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง ด้านศัลยกรรมเสริมสะโพก, ศัลยกรรมหน้าท้อง และดูดไขมัน ในปีที่ผ่านมา มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และคาดว่าในปี 2563 นี้ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกด้วย"
จากการเก็บข้อมูลจากผู้เข้าใช้บริการศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด จำนวน 32,980 คนพบว่า ศัลยกรรมที่ได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ ยังคงเป็นศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมจมูก, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมหน้าอก, ศัลยกรรมเสริมสะโพก, ศัลยกรรมหน้าท้อง และดูดไขมัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้เข้ารับบริการในปัจจุบันมีทัศนคติด้านการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยสามารถสรุปออกมาได้ 5 เทรนด์ดังนี้
1. ศัลยกรรมความงามต้อง "หมอไทย"
แม้จะมีภาพการโปรโมทศัลยกรรมเกาหลีผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งดารา หรือ Beauty Blogger แต่ในความเป็นจริง คนไทยยังให้ความสนใจทำศัลยกรรมในประเทศไทยอยู่ และเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลสำคัญคือ ศัลยแพทย์ไทยมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์, มีชื่อเสียงระดับโลก รวมทั้ง ผลลัพธ์หลังทำที่มีความผิดพลาด เช่น กรณีอดีตนักร้องค่ายดัง ทำให้เชื่อว่าการเดินทางไปทำศัลยกรรมในต่างประเทศไม่ได้ดีจริงเหมือนที่มีการโฆษณา รวมทั้ง มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าการทำในไทย
2. ไม่เชื่อ "รีวิว"
ผู้สนใจทำศัลยกรรมจะให้ความเชื่อถือในข้อมูลทางการแพทย์มากกว่าการเชื่อรีวิว หรือการโฆษณา กล่าวคือ หากต้องตัดสินใจเพื่อศัลยกรรมความงาม จะหาข้อมูลจากโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และเดินตรงเข้าไปปรึกษาแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ ซึ่งหากได้รับคำแนะนำจากศัลยแพทย์ จะยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่า "ปลอดภัย"
3."ความปลอดภัย" ต้องมาก่อน
จากข่าวพิษศัลยกรรม ทำให้คนให้ความสำคัญในประเด็นด้านความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยจะเลือกและตัดสินใจทำในสถานพยาบาลที่มีบุคลากรทางการแพทย์ครบถ้วนก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น การได้รับการตรวจวิเคราะห์ก่อนเข้ารับการศัลยกรรม, มีแพทย์เฉพาะทางตามสาขาทั้งศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ พยาบาล, มีเครื่องมือให้ความช่วยเหลือ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน, อุปกรณ์เครื่องมือ ห้องผ่าตัด มีความสะอาดและได้มาตรฐานระดับสากล, การได้รับการดูแล และติดตามอาการหลังการผ่าตัด เป็นต้น
4.ศัลยกรรมเพียง "น้อย" แต่ตรงปัญหา
แนวคิดการทำศัลยกรรมมากเกินความพอดี เช่น การเสริมหน้าอกขนาดใหญ่เกินโครงสร้างรูปร่าง, การเสริมจมูกให้มีความโด่งสูง จะไม่ใช่เทรนด์อีกต่อไป แต่กลับจะเป็นสิ่งที่ระวังมากขึ้น ในขณะเดียวกัน "การทำศัลยกรรมเพียงเล็กน้อย" แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และคงทนถาวร จะเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะได้เห็นกันและเข้ามาแทนที่ ดังนั้น เทรนด์การทำศัลยกรรมต่อจากนี้ สำหรับผู้เข้ารับการศัลยกรรมจะไม่ใช่ยิ่งทำมาก ยิ่งดี แต่เป็นการทำ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และทำเพียงเล็กน้อย หรือบางส่วนเท่านั้น
5.สวยแบบ "ธรรมชาติ"
การทำศัลยกรรมตามแบบดาราหรือศิลปินดัง จะเริ่มลดความนิยมลง และเทรนด์ความสวยตามแบบธรรมชาติกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง โดยคนส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า พวกเขาต้องการมีภาพลักษณ์ที่ดูดีในแบบของตัวเอง และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเขาเชื่อว่าด้วยเทคนิคและนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ที่มีวิวัฒนาการก้าวหน้า คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยตอบโจทย์นี้
จากทั้ง 5 เทรนด์ดังกล่าวข้างต้น คงต้องยอมรับว่า แนวคิดและทัศนคติของผู้ทำศัลยกรรมความงามในยุคปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยมุ่งเน้นและมองหาการทำศัลยกรรมเพื่อความปลอดภัยของตนเองเป็นหลักสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาข้อมูล, การรู้จักเลือกแพทย์ สถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญ, เลือกวัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน, การทำให้พอดีและดูเหมาะกับโครงสร้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการศัลยกรรมความงามที่มีความยั่งยืน และสวยในแบบตัวเอง