ดีอีเอส ผนึกเฟซบุ๊กชูมาตรการเชิงรุกจัดการข่าวปลอมไวรัสโคโรนา

ข่าวเทคโนโลยี Friday February 7, 2020 14:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม "พุทธิพงษ์" เผยผลการประชุมร่วมเฟซบุ๊ก กรมควบคุมโรค และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมประสานความร่วมมือมาตรการเชิงรุกจัดการข่าวปลอมไวรัสโคโรนา ด้านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เผยตัวเลขข่าวปลอมล่าสุดพุ่ง 33 เรื่อง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับ Mr. Michael Baek ตัวแทนเฟซบุ๊กประเทศไทย โดยมีการร่วมประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนต์กับผู้บริหารเฟซบุ๊ก สิงคโปร์ ที่ดูแลกฎระเบียบบนเฟซบุ๊ก และการควบคุมข่าวปลอม พร้อมทั้งตัวแทนจากกรมควบคุมโรค, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ฯลฯ ทุกฝ่ายได้หารือการรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และความร่วมมือป้องกันข่าวปลอมไวรัสโคโรนา โดยจะมีทั้งแนวทางเบื้องต้น และมาตาการเชิงรุก โดยเริ่มจากการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง หากประชาชนเข้าไปค้นหาเรื่องไวรัสโคโรนา ในทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ทางเฟซบุ๊กจะช่วยขึ้นข้อความลิงค์ไปยังเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และมาตรการเชิงรุกต่อมา คือให้ประชาชนสามารถแจ้งบัญชี Avatar (บัญชีปลอม) ได้โดยตรง โดยกดปุ่ม report profile กับ report post ได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน ทางเฟซบุ๊ก ก็มีการใช้ AI ตรวจหาบัญชีปลอมอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นต้นตอของข่าวปลอมส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ทางเฟซบุ๊กจะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ตรวจสอบว่าถ้าบัญชีใดทำผิดกฎของเฟซบุ๊กบ่อยๆ เช่น โพสต์เฟคนิวส์ ระบบก็จะจัดการให้คนเห็นโพสต์จากบัญชีนี้น้อยลง ห้ามไม่ให้เพจซื้อโฆษณา หรือทำธุรกรรมผ่านทางเฟซบุ๊ก และจะแจ้งเตือนผู้แชร์ข้อความที่เป็นเฟคนิวส์ให้ได้ทราบ ขณะที่ รายงานจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมล่าสุด ได้สรุปข้อมูลการแจ้งรายงานประเด็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่ามีทั้งหมด 43 เรื่อง แบ่งเป็น ข่าวปลอม 33 เรื่อง ข่าวจริง 9 เรื่อง และข่าวบิดเบือน 1 เรื่อง ดังนี้ กรณีที่เป็นข่าวปลอม 33 เรื่อง ได้แก่ 1. กรมควบคุมโรค หยุดใช้เครื่องตรวจวัดฯ ไวรัสโคโรน่า หลังทางการ "อู่ฮั่น" 2. สเปรย์พ่นปาก ฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 3. พนักงานการบินไทย ติดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 4. กรมควบคุมโรคยกเลิกการคัดกรองผู้โดยสารด้วยเทอร์โมสแกน 5. คลิปสุดช็อค! ไวรัสโคโรนา ทำคนล้มทั้งยืน 6. เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อผ่านการมองตาได้ 7. พัทยาพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา 1 ราย 8. พบผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรนา รักษาตัวที่ รพ. ราชธานี จ.พระนครศรีอยุธยา 9. พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา เสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เพิ่มอีก 1 ราย 10. ผู้ป่วยติดเชื่อไวรัสโคโรน่า เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 นครราชสีมา ข่าวปลอม สร้างความปั่นป่วน 11. สีจิ้นผิงสั่งใช้กฏหมายสูงสุด วิสามัญโดยเจ้าหน้าที่ 12. ความร้ายแรงของไข้หวัดใหญ่สายใหม่ "ไวรัสโคโรนา" มีวิธีป้องกันคือ ต้องรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอ อย่าให้ลำคอแห้งโดยเด็ดขาด 13. รัฐบาลจีนปิดบังข้อมูล แท้จริงมีผู้ติดเชื้อ 90,000 ราย 14. ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้เสียชีวิตทุกรายในเวลาอันสั้น 15. เตือน! เขตคลองเตยให้ใส่แมส รอฟังแถลงข่าวจริงหรือเท็จ 2 รายในไอซียู 16. ชื้อ H3N2 ระบาดถึงเชียงใหม่ 'ไวรัสโคโรนา" ตัวใหม่จากอู่ฮั่น 17. เชื้อไวรัสโคโรนาทำพิษ ชาวจีนล้มตึงกลางกลางสุวรรณภูมิ 18. แพทย์ชี้นั่งเครื่องพร้อมผู้ป่วยไวรัสโคโรนา มีโอกาสติดเชื้อทั้งลำ 19. พบผู้ติดเชื้อโคโรนาที่จังหวัดศรีสะเกษ 20. ล่าสุดกรุงเทพติดเชื้อไวรัสโคโรนา 5 ราย 21. เชื้อไวรัสโคโรนาระบาดหนัก คาดคนตายนับไม่ถ้วน รัฐสั่งทุกสื่อปิดข่าว 22. แชร์ว่อน!! ยืนยันสนามบินภูเก็ต ไร้จุดคัดกรอง "ไวรัสโคโรนา" 23. ข่าวปลอม อย่าแชร์! รัฐไทยคุมการระบาด 'ไวรัสโคโรนา' ไม่ได้ เหตุนักท่องเที่ยวจีนเต็มเมือง 24. ข่าวปลอม อย่าแชร์! ลือ! พบคนไทยติดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา' รักษาตัวที่ รพ. ในจังหวัดฉะเชิงเทรา 25. ข่าวปลอม อย่าแชร์! ระวัง! เชื้อไวรัสโคโรนา ระบาดถึง รพ.ในจังหวัดชลบุรี 26. ข่าวปลอม อย่าแชร์! อึ้ง! ชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคนเดินทางมาไทย ก่อนปิดเมือง 27. ข่าวปลอม อย่าแชร์! แชร์ว่อน! พบผู้ป่วยติดเชื้อ รพ.ย่านฉะเชิงเทรา 28. ข่าวปลอม อย่าแชร์! งานเข้า! ไวรัสโคโรน่าลงเบตงเหตุนักท่องเที่ยวจีนชุก 29. ข่าวปลอม อย่าแชร์! เตือนระวัง! นักท่องเที่ยวชาวจีนติดเชื้อไวรัสโคโรนา รักษาตัว รพ.ย่านชลบุรี 30. ข่าวข่าวปลอม อย่าแชร์! พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่รพ.ในจังหวัดกาญจนบุรีปลอม อย่าแชร์! คลิปเสียง อ้างรพ.แห่ง3 หนึ่งในจังหวัดภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 31. ข่าวปลอม อย่าแชร์! ติดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา' ตายแล้ว 2 รายในไทย ทางการปิดข่าวหวั่นแตกตื่น 32. ข่าวปลอม อย่าแชร์! พบคนไทยเสียชีวิต 1 คน ติดไวรัสโคโรนามาจากเชียงใหม่ และ 33.ข่าวปลอม อย่าแชร์! สูตรสมุนไพรในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ให้หายเป็นปกติ สำหรับข่าวจริง 9 เรื่อง ได้แก่ 1. กรมควบคุมโรคยืนยันไม่หยุดคัดกรอง และเพิ่มความเข้มข้นในการรับมือไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จริงหรือ? 2. ประกาศ!! หน้าเว็บโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนามีการปรับเปลี่ยนลิงค์ที่เผยแพร่ใหม่ จาก .html เป็น php จริงหรือ? 3. ผู้ป่วยไวรัสโคโรนา จ.นครปฐม ผลตรวจเป็นลบ สธ.รับมือเข้ม ชี้ชัดไม่พบการระบาดในไทย จริงหรือ? 4. คปภ.แจง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันภัยการเดินทาง คุ้มครองโรคไวรัสโคโรนา 5. สธ.ยัน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา จากคนสู่คนรายแรกในไทย ตัวเลขล่าสุด 19 ราย จริงหรือ? 6. ผู้ป่วยชาวจีนที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนารายแรกในไทย หายดีออกจากโรงพยาบาลโรคปอดเมืองอู่ฮั่นแล้ว จริงหรือ? 7. สาธารณสุขไทย เผยข่าวดี แพทย์ไทยรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา อาการดีขึ้นใน 48 ชั่วโมงหลังการรักษา จริงหรือ? 8. สาธารณสุขไทย เผยผู้ป่วยจีนติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ชื่นชมและมั่นใจ ระบบการรักษาของไทย จริงหรือ? และ 9.เตือนภัย พบมัลแวร์แพร่กระจายผ่านอีเมลโดยอ้างชื่อไวรัสโคโรนา จริงหรือ? กรณีที่เป็นข่าวบิดเบือน 1 เรื่อง คือ ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์! ไวรัสโคโรนาทำพิษ โรงงานกาญจนบุรีปิดตัว ลูกจ้างตกงานกว่า 500 คนไวรัสโคโรนาทำพิษ โรงงานกาญจนบุรีปิดตัว ลูกจ้างตกงานกว่า 500 คน ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดยศูนย์ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center) จะมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์และเป็นข่าวที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข อย่างใกล้ชิดผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com (https://www.antifakenewscenter.com/) เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center (https://www.facebook.com/AntiFakeNewsCenter/) ทวิตเตอร์ @AfncThailand (https://twitter.com/afncthailand) และช่องทางไลน์ Line@antifakenewscenter พร้อมทั้งย้ำว่า กระทรวงฯ มีความห่วงใยประชาชนเรื่องข่าวลือ ข่าวปลอม ขอให้อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อข่าวลือต่าง ๆ ควรจะหาข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนจะแชร์จะบอกต่อ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการเฝ้าระวังและมีการชี้แจงสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงโดยไม่ปิดบังข้อมูลใด ๆ หากพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อฯ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค จะไม่ปิดบังข้อมูล จะแจ้งให้ทราบทุกราย และให้ยึดหลักการ "ชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ