![อะโวคาโด พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ จ.เลย สร้างกำไรงาม จับตลาดคนรักสุขภาพ]()
กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นาง
อัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า "
อะโวคาโด (Avocado)"เป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของ
จังหวัดเลย สามารถสร้างรายได้ให้กับ
เกษตรกร เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีกระแสความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้รักสุขภาพและความงาม เนื่องจาก
อะโวคาโด เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากนี้ ยังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีสภาพดินอุดมสมบูรณ์ เนื้อดินลึก และน้ำไม่ท่วมขัง
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) ได้ติดตามสถานการณ์การผลิต
อะโวคาโดในพื้นที่
จังหวัดเลย พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 593 ไร่ พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอภูเรือ ด่านซ้าย และนาแห้ว โดยปลูกเฉลี่ย 3 ไร่/ครัวเรือน (ประมาณ25 ต้น/ไร่)
เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ปีเตอร์สัน เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีผลใหญ่ เมื่อผลโตเต็มที่ประมาณ 2-3 ผล/1 กก. และพันธุ์แฮส ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ผู้บริโภคนิยม โดย
เกษตรกรที่เพาะปลูก
อะโวคาโด มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,339 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 4 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ระยะยาว) ราคาต้นพันธุ์เพาะเมล็ดแบบคละพันธุ์อยู่ที่ 50 – 80 บาท/ต้นหากเป็นต้นพันธุ์เสียบยอด ราคา 120-150 บาท/ต้น นิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 290 กก./ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 5,564 บาท/ไร่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาท/กก. ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอก
จังหวัดเลยมารับซื้อเพื่อส่งขายต่อไปยังจังหวัดอื่น ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี ชลบุรี และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้าบางรายนำมาวางจำหน่ายที่ร้านบริเวณริมทางถนนเลย – ภูเรือ มีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 60 – 100 บาท/กก.
สำหรับผลผลิต
อะโวคาโดของ
จังหวัดเลย มีอายุอยู่ในช่วง 4 – 5 ปี โดยจะเริ่มให้ผลผลิตในปีแรก แต่ยังไม่มาก ทั้งนี้
เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์ตามความต้องการของตลาดและเป็นพันธุ์แท้ ควรปลูกในที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง และต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ใต้โคนต้นทุกปี รวมถึงต้องเก็บเกี่ยวเฉพาะผลที่แก่จัดเท่านั้น จึงจะได้ผลผลิตที่มีรสชาติดี หวานมัน ไม่ฝาด เนื้อนิ่มแน่น ไม่เละ ไม่มีเสี้ยน มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด
ด้านนางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า
จังหวัดเลย มีการสนับสนุน
เกษตรกรในการปลูก
อะโวคาโด ภายใต้โครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นไม้ผล ทำให้จำนวน
เกษตรกรและพื้นที่เพาะปลูก
อะโวคาโดของ
จังหวัดเลยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตควรมีการส่งเสริมให้
เกษตรกรปลูก
อะโวคาโดในรูปของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ ด้านหน่วยงานภาครัฐ เอกชนสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ควรสนับสนุนการวิจัยการพัฒนาพันธุ์ที่มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และองค์ความรู้ให้กับ
เกษตรกร เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันในตลาดโลก โดยการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการการผลิต แนวทางการลดต้นทุน รวมถึงส่งเสริมให้มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต
อะโวคาโด และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับ
เกษตรกรที่ปลูก
อะโวคาโดเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้
เกษตรกรที่สนใจข้อมูลด้านการผลิต
อะโวคาโด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.3 โทร. 04 229 2557 หรืออีเมล zone3@oae.go.th
![]()
![]()